11 ธันวาคม 2560
เที่ยวปีนัง จอร์จทาวน์ ตอน 3 ตลาดโต้รุ่งเกอร์นี่ไดรฟ์
25 ตุลาคม 2560
ช่วงบ่ายวันที่สอง หลังจากตอนเช้าตะเวณเที่ยวในย่านเมืองเก่าจอร์จทาวน์ นี่อยู่แค่ 2 วันร่างกายต้องการอาหารไทยมากๆ ด้วยความขับรถเองก็สะดวก ดีกว่าเรียกแท๊กซี่จะเสียเวลามากแล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปไหน ผมอาศัย google map หาห้างสรรพสินค้าซักแห่ง ตลาดซักแห่งผมว่าน่าจะไม่ยาก พูดถึงเรื่องขับรถในปีนัง ก็ไม่ได้ยากอะไรก็ขับแบบไทย เคารพกฎจราจรอย่างเคร่งคัดไม่ควรมีปัญหากับตำรวจจราจรเด็ดขาด เพราะจะเสียเวลาแล้วเราเป็นนักท่องเที่ยวด้วย ถึงแม้พรรคพวกที่อยู่ที่ปีนังบอกไว้ ถ้ามีปัญหาอะไรให้โทรหาโดยด่วน ผมเองก็ไม่อยากรบกวนใครเหมือนกัน ไปเองได้ก็ไป
ป้ายต่างๆ เราก็รู้อยู่แล้วมันกฎเดียวกันทั่วโลก ยกเว้นคนที่ซื้อใบขับขี่มา ไม่แม่นอาจจะงงป้ายบอกอะไร
ผมแวะไปที่ ห้างสรรพสินค้าเอเวนนู มอลล์ Avenue Mall อยู่ในเมืองจอร์จทาวน์ ไม่ห่างจากย่านเมืองเก่านัก รถติดพอสมควร ขับรถวนขึ้นไปบนอาคารจอดรถ ที่นี่จะไม่มีพนักงานแจกบัตรจอดรถที่เราคุ้นตาในเมืองไทย จะมีแต่ตู้กดซึ่งเมืองไทยมีบางแห่ง จะมีกระดาษออกมามีทั้งกระดาษแข็ง และกระดาษไม่แข็ง มีวันที่เวลาที่เราเข้าและ บาร์โค้ด บางแห่งก็เป็นคิวอาร์โค้ด เวลาจ่ายเงินก็มีตู้ทั้งแบบสอดบัตรคือบัตรแข็ง และสแกนบัตร คือบัตรอ่อน
หลังจากจอดรถเสร็จ พวกเราเดินเข้าไปในห้างจะมี ฟู้ดเซ็นเตอร์ ที่นี่เขียนว่า ฟู้ดฮอลล์ ไปเจอร้านอาหารไทยอยู่ 1 ร้าน นอกนั้นจะเป็นอาหารอิสลาม อาหารจีน ร้านอาหารไทย ชื่อ ร้านอาหารไทย เขียนเป็นภาษาไทย แม่ครัวเป็นมุสลิม
อย่างน้อยก็มีพริกน้ำปลาให้กินแน่ๆ เพราะทุกคนก็อยากกินรวมทั้งเด็กๆ ก็ติดน้ำปลา มากกว่าซอส ไข่เจียวกุ้ง ผัดพริกไก่ ต้มยำทะเล ผัดผัก ผมจำไม่ได้บนโต๊ะอาหารผมสั่งอะไรไปบ้าง แต่ก็กินกันอร่อย ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงเครื่องมากนัก โดยเฉพาะไข่เจียวถือว่าเป็นอาหารที่คุ้นเคยมากๆ
จริงๆ ผมพยายามสั่งหลายครั้งแต่ไม่รู้ว่าสั่งยังไง ในโรงแรมก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรเวลาอาหารเช้าเคาท์เตอร์ไข่ จะสั่งฟรายด์เอ้ก Fried egg ก็เป็นไข่ดาวขาวๆ จะ omelet ออมเล็ท ก็จะได้ไข่คนแบบฝรั่งใส่นมเนย มารู้ที่หลังให้ใส่คำว่า ไทยสไตล์ thai style ตามหลังจะกลายเป็นอาหารที่คุ้นเคยทันที ฮา เพิ่งรู้เหมือนกันคนบ้านเมืองอื่นเขาไม่กินแบบไทย ไข่ดาว กับ ไข่เจียว
หลังจากจัดการกับอาหารด้วยความอร่อย ทั้งๆ ที่ถ้าอยู่เมืองไทย ผมไม่กินแน่รสชาติแบบนี้ ตัดสินใจกลับโรงแรมไปพัก แต่ก่อนอื่นก็ต้องมีอะไรกินในห้อง จะสั่งก็แพงแน่ๆ เดินไป เซเว่นอีเลฟเว่น ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามห้าง เป็นร้านห้องเดียวเล็กๆ ซื้อพวกขนมขบเคี้ยว น้ำดื่ม น้ำแข็ง และสิ่งที่ขาดไม่ได้เบียร์ ฮา
งานนี้เลือกเบียร์ดำ กินเนสส์ สเตาค์ หิ้วกลับไปกินที่ห้อง ในกรุงเทพหาซื้อยากเหมือนกัน เคยสั่งซื้อทางออนไลน์ มีหนีภาษีนะขายเป็นแพ็คกระป๋อง แต่ไม่บอกว่าสั่งยังไง เดี๋ยวรัฐรู้หมด ฮา อีกที
เนื่องจากโรงแรมติดทะเล แต่ไม่มีชายหาด ก็เลยสงสัยว่าชายหาดปีนัง มีสภาพอย่างไรน่าเที่ยวมั้ย ใช้อินเตอร์เน็ตค้นหา เขาบอกว่าชายทะเลไม่สวยทรายสีน้ำตาลไม่ละเอียด ผมเห็นแล้วหล่ะอยู่ลิบๆ จากโรงแรม แต่ตัดสินใจไม่ไปนอนพัก ทะเลที่ไหนก็เหมือนกันยกเว้นบีกินนี่ ถ้ามีควรไปดูอย่างยิ่ง
ตัดสินใจค่ำๆ ค่อยออกไปตลาดโต้รุ่ง เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่นักท่องเที่ยวต้องมาเช็คอินที่ปีนัง
ทุ่มกว่าตามเวลาของมาเลเซีย ผมขับรถมาถึงตลาดโต้รุ่ง เกอร์นีย์ ไดรฟ์ Gurney Drive ซึ่งอยู่ติดทะเลตามถนนมีป้ายล็อกล้อเต็มไปหมด ไม่เอาดีกว่าไม่อยากมีปัญหา วนอยู่ซักพักไม่มีที่จอดแล้ว เลยเลือกขับรถย้อนกลับมานิด จะมีห้างสรรพสินค้า เกอร์นีย์ พลาซ่า เข้าไปจอดในห้างอย่างน้อยก็ปลอดภัยจากการล็อคล้อแน่นอน และอีกอย่างไม่ห่างจากตลาดโต้รุ่งเยอะ
จอดรถเสร็จก็เดินมาตลาดโต้รุ่ง นักท่องเที่ยวเยอะครับโดยส่วนใหญ่เป็นชาวจีน กลิ่นอาหารฟุ้งไปด้วยผักกาดดอง ผมไม่รู้ว่าอาหารอะไรควรใส่ผักดองบ้าง แต่กลิ่นขนาดนี้ผมว่าเขาใส่เกือบทุกอย่างมั้งคิดในใจ อยากลองกินนะแต่บังเอิญกรุ๊ปที่มาด้วยไม่เอา อีกอย่างไม่มีที่นั่งเพราะโต๊ะเต็ม จะกินต้องรอแบบเก้าอี้ดนตรี ถ้ามาคนเดียวก็ไม่ยาก หย่อนก้นได้เลยผมมากัน 4 คน ต้องนั่งทั้งโต๊ะไม่มีที่แน่ เดินวนอยู่พัก ก็เดินกลับมาที่ห้างที่ผมจอดรถไว้หาอะไรกินน่าจะดีกว่า ก่อนกลับโรงแรม
ผมเลือกร้านอาหารจีน อย่างน้อยก็ไม่มีเครื่องเทศเยอะ โดยดูจากภาพในเมนูแล้วก็อ่านส่วนประกอบว่ามีอะไรบ้าง ไม่อยากพลาดเหมือนวันแรก อะไรๆ ก็มีแต่ผักกาดดอง สรุปร้านนี้เข้าท่าแฮะ เด็กๆ กินกันอร่อยโดยเฉพาะอาหารจำนวนเส้น กินคล้ายหมี่เย็นแบบญี่ปุ่น แต่นี่กินกับซุปใสปีกไก่ร้อนๆ อร่อยครับ เด็กๆ กินกัน 3 ถ้วยรวมทั้งผม
กินเสร็จก็กลับที่พัก เออลืมไปก่อนกลับไปเดินซูเปอร์มาร์เก็ตอีกรอบ เผื่อจะเจอแก๊สกระป๋อง สรุป แห้วเหมือนเดิม ผ่านไปวันที่สองเครื่องครัวสนามยังไม่ได้ใช้งาน
ตอนกลับประตูออกลานจอดรถจะมีตู้จ่ายเงินที่ค่าจอด โดยเสียบบัตรเข้าไปเครื่อง เครื่องจะอ่านว่าเราใช้เวลาไปเท่าไหร่ก็คำนวณเป็นเงินออกมาให้เราใส่เงินริงกิต คิดว่าชั่วโมงละ 1 ริงกิตก็ประมาณ 9 บาท ไม่แพงสะดวกดี จอดก็เสียตังค์ ไม่ต้องมีพนักงานมาคอยแจกบัตรเก็บบัตร ไม่ต้องฟรี 1 ชั่วโมงแรกหลังจากนั้นชั่วโมงละ 20-50 บาทเหมือนเมืองไทย
ทางออกเก็บบัตรก็เป็นตู้เสียบอยู่ในชั้นเดียวกัน มีเครื่องกั้นก่อนทางลง ใช้เวลาไม่นานจ่ายเงินวนลงได้เลย ทำให้ไม่ต้องกะเวลารถติดก่อนลง ผมยังอยากให้เมืองไทยมีแบบนี้บ้าง สะดวกมีที่จอดไม่ต้องมาแช่ทำให้คนมาใช้บริการจริงไม่มีที่จอด
หมดวันที่สอง ไว้พบตอนหน้านะครับสวัสดี จอร์จทาวน์
สาม สอเสือ