25 กันยายน 2562

สื่อยุคเผด็จการครึ่งใบ

เราอยู่ในยุคโซเชียลมีเดีย ผมก็อยู่ในวังวนนั้น ยุคหนึ่งสมัยหนึ่งคงหลายปีแล้ว ตามอ่านตลอดจำไม่ได้ ไม่รู้อ่านอะไรบ้าง แต่เน้นไปทางการเมือง และเศรษฐกิจมากกว่า อ่านแล้วก็แชร์ทั้งที่มีคนเตือนมานานมากกว่า อ่านแล้วก็อย่าเชื่อมาก แล้วแชร์ยิ่งไปกันใหญ่ ขนาดเขียนเว็บไซค์ของตัวเองยังกลัวช่องทางกระทู้ ไม่เอาตัดทิ้ง เพราะดูแลไม่ทันพลาดพลั้งติดคุกติดตารางกันทีเดียว

ตอนนั้นเรียกว่าอ่านเป็นกิจวัตรเหมือนติดบนโลกออนไลน์ อ่านมากก็เครียดมาก ไม่ใช่เรื่องที่อ่าน แต่เป็นตัวหนังสือบนดิจิตอล มันไม่ถูกจริต จนสุดท้ายวางโทรศัพท์ เลิกอ่าน น่าจะเกิน 5-6 ปีแล้วมั้ง ไม่อ่านมากๆ ก็เลยไม่ติดไม่ค่อยสนใจ เวลาออกนอกพื้นที่จะพกหนังสือไว้อ่านฆ่าเวลาเสียมากกว่า หนักๆ ไม่อ่านนานมากๆ แต่ก็ยังอยากเล่นอยู่ในโซเชียล ก็อาศัยพิมพ์อย่างเดียวไม่อ่าน เพราะเบื่อประเด็นดราม่าเกือบทุกข่าว

โชคดีของตัวเอง เป็นคนที่อ่านหนังสือเล่มเป็นกระดาษ และอ่านหนังพิมพ์ต่อเนื่องยาวนาน 2-3 ฉบับต่อวัน ยุคก่อนโซเชียลจะมา หนังสือพิมพ์ และสื่อต่างๆ วิทยุ โทรทัศน์ ก็เรียกว่าเชื่อถือไม่ค่อยได้เหมือนกันต้องวิเคราะห์กันเองเรื่องความเชื่อ เพราะสื่อเป็นสื่อ ข้างเดียวแถมบางฉบับ บางสื่อ เลือกข้างเสียอีก ใครอ่านแล้วเชื่ออย่างจริงจังว่าจริง ก็ไม่ควรอ่าน ไม่ควรฟัง เพราะวิเคราะห์ไม่เป็น

ยุคก่อนโซเชียลมีเดียจะโด่งดังคนติดงอมแงมกันทั้งโลก คนก็มีไม่กี่ช่องทางในการเสพข่าวมากนัก ทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ ใครผ่านยุคนั้นมาก็อาจจะถูก 3 สื่อที่หลอกเหมือนกัน พอมายุคนี้โซเชียลมีเดียบูมขึ้น ทั้ง 3 สื่อก็ถูกตรวจสอบกันหนัก จนแทบจะล้มหายตายจากไปเยอะ

มีบางคนบอกว่าสื่อไม่ปรับตัวก็คงจะจริงบางส่วน แต่ผมว่ามีส่วนหนึ่งน่าจะเรื่องการปรับตัวไม่เหมาะสม ยังเลือกข้างทั้งๆ ที่คนอุดหนุนสื่อคือประชาชนทั่วไป ไม่ใช่ผู้ถือศักดิ์หลักใหญ่ สื่อบางแห่ง ปรับตัวคงไม่ใช่การปรับตัวให้ทันโลกออนไลน์อย่างเดียว แต่เป็นการไม่ปรับตัวเรื่องการเขียน การอ่าน การรายงาน มากกว่า เลือกข้างมากๆ คนอ่าน ฟัง ดู ก็เบื่อ

เห็นกันอยู่สื่อเชื่อถือได้ไม่ได้ ในยุคนี้เพราะโดนโลกออนไลน์ล้อมไว้หมดแล้ว บางคนดูถูกว่าพวกเกรียนคีย์บอร์ด แต่ดูดีๆ อ่านดีๆ คนเหล่านี้เขาก็เก่งเฉพาะตัว บางคนตรวจสอบเก่งกว่าผู้มีอำนาจเยอะแยะ และการตรวจสอบสื่อจากออนไลน์ ยิ่งเยอะยิ่งหนักลูกค้าเริ่มหดหาย จับสัญญาณมีบางสำนักพิมพ์ปัจจุบัน ยอดขายคงไม่ค่อยดี เดี๋ยวนี้ไปจับงานสัมมนาทางวิชา ค่าฟังมีตั้งแต่หลักหมื่น จนถึงหลักแสนผมไม่รู้ว่าจำนวนคนไปฟังมากน้อยแค่ไหน แต่ผมไม่สนใจ ก็ขนาดเป็นสื่อยังเอียงขนาดนี้ แล้วจัดสัมมนา ไม่รู้จะใส่อะไรในสมองให้คนฟังบ้าง

วกกลับมาเรื่องโซเชียลมีเดียปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะเร็วขึ้นถึงขนาดมีสื่อออนไลน์ นักข่าวโซเชียล เชื่อได้บ้างไม่ได้บ้าง ถึงแม้จะเป็นคนอ่านหนังสือพิมพ์เป็นหลัก แต่ก็ยังคงแวะเวียนไปบนโลกออนไลน์บ้าง เพื่อดูว่าเขากำลังพูดกันเรื่องอะไรในสังคม

ตั้งประเด็นว่าไม่เชื่อไว้ก่อน ไม่ว่าสื่อยุคเก่า หรือสื่อยุคใหม่ เพราะต้องเช็คข่าวอื่นมาประกอบกันเอง

ระวังตัวมากขึ่น ในยุคประเทศไทยไม่ใช่ประชาธิปไตยเต็มใบ แต่มีคนตั้งคำตอบว่าเป็น เผด็จการครึ่งใบ ถูกปิดกั้นแบบหลายคนยังไม่รู้สึก แต่ผมรู้สึก แล้วจริงๆ ถ้าไม่รักโลภโกรธหลง เลือกข้างกันมากเกินไป ผมว่าทุกคนรู้สึก รู้สึกก็ยิ่งต้องระวังโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ บอกตามตรงไม่ไว้ใจ

สวัสดีรัฐทหาร

สาม สอเสือ