เป็นคนชอบอ่านหนังสือ แต่พวกนิยายไม่ได้อ่าน เคยอ่านสมัยวัยรุ่นติดอยู่พักใหญ่หลายปี พวกนิยายจีนยุคนั้น เดี๋ยวนี้ไม่รู้จักนักเขียนแม้แต่คนเดียว ปัจจุบันไม่คิดแสวงหา
หนังสือหลักๆ จะอ่านหนังสือพิมพ์รายวัน ราย 3 วัน และพวกนิตยสารโดยส่วนใหญ่จะเป็นพวกการเมือง และเศรษฐกิจ อ่านจนชิน
อ่านมานานมากจนไม่รู้ว่าเริ่มเมื่อไหร่ หนังสืออีกประเภทถ้ามีเวลาก็จะอ่านประเภทโนว์ฮาว หนังสือแปล อ่านเอาความรู้ ส่วนในอินเตอร์เน็ตจะอ่านน้อย โดยเฉพาะสังคมออนไลน์ อ่านแล้วเวียนหัว ไม่รู้จริงปลอมถ้าบังเอิญอ่านเจอแต่เลือกตั้งคำถามในใจเอ๊ะก่อน คือเลือกที่ยังไม่เชื่อจนกว่าจะมั่นใจ
ในสังคมออนไลน์ เขียนผิดเขียนปลอมเขียนเพี้ยน ผิดแล้วไปลบได้ถ้าแค๊ปไม่ทันก็หาต้นต่อไม่เจอความรับผิดชอบเลยน้อย
ขนาดสื่อหนังสือพิมพ์ ที่เลือกเสนอข่าวบนออนไลน์ ต้องการสื่อเร็วบางครั้งยังมีพลาดแล้วก็ลบแต่ผลเสียหายมันเกิดขึ้นแล้ว
ไม่เหมือนสื่อกระดาษมันลบไม่ได้ต้องมีบรรณาธิการต้องตรวจตราอย่างดี ก่อนปล่อยผ่านจนเป็นหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสาร ถ้าพลาดทำได้ทางเดียววันรุ่งขึ้นต้องออกมาขอโทษ ที่สื่อเมื่อวันวานผิดไปจากข้อเท็จจริง
สาเหตุที่ชอบอ่านการเมือง เพราะมันกระทบเราตั้งแต่ตื่นยันหลับ ไม่ว่านโยบายพรรคการเมืองดีหรือไม่ดี ส่วนเศรษฐกิจ ที่ชอบเพื่อพัฒนาตัวเองและพยายามเดาอนาคตเศรษฐกิจว่าจะเป็นยังไงบ้างจะได้วางแผนได้ถูกต้องมากที่สุด ในข้อมูลที่มีขณะนั้น ก็คงมีพลาดธรรมดาไม่ใช่เทวดาที่รู้อนาคต
เอ่ยเรื่องการอ่านให้คนฟังจำไม่ได้ว่ากี่ครั้ง ทำไมจึงต้องอ่านหนังสือพิมพ์ที่เป็นฉบับ เป็นกระดาษ การอ่านอะไรซักอย่างบนออนไลน์ เราจะอ่านเฉพาะที่ตัวเราชอบเรื่องที่เราชอบ หรือที่เราสนใจเท่านั้น แต่การอ่านหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารเป็นเล่ม ที่ออกทุกวัน ทุกสัปดาห์ จะเป็นการอ่านที่หลากหลายมากกว่า และราคาถูก เรื่องที่เราไม่สนใจเรื่องที่เราไม่เคยคิดว่ามี เผลอกวาดสายตาและเข้าไปอ่าน ก็จะได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกเรื่อง
การอ่านแบบนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน ทำให้เพิ่มพูนความรู้ไม่สิ้นสุด จากรู้ 1 อย่างกลายเป็น 2 กลายเป็น 3 จนสุดท้ายกลายเป็นหลายร้อยเรื่องพันเรื่อง สามารถมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ ถ้าเรายังไม่ลืม
มีคนถามผมว่าจะเริ่มจากหนังสือพิมพ์อะไรดี ผมบอกว่าอะไรก็ได้ หนังสือพิมพ์เล่มละ 10 บาท 20 บาท มันไม่ได้แพงจนซื้อไม่ไหว
ทีเรื่องอื่นเราจ่ายเป็นพันเป็นหมื่น ซื้อหวย เล่นบอล เล่นบ่อน ฯลฯ ไม่เสียดายเงินกลับไปเสียดายกับการซื้อหนังสือพิมพ์ซักฉบับ นี่ซิแปลก
เริ่มอ่านอย่าทิ้งการอ่าน บางคนก็อ้างว่าต้องอ่านทุกวันอยู่แล้ว ตำราบ้าง การสอนบ้าง รายงานบ้าง แบบนั้นมันอ่านตามอาชีพ ตามภาระหน้าที่การงาน
จริงๆ ผมไม่เรียกการอ่านแบบนั้นว่า เป็นการอ่านด้วยซ้ำ
คนรู้มักจะไม่คุย คนคุยมักจะไม่รู้จริง
บันทึกไว้ 3 พฤศจิกายน 2566
สาม สอเสือ