เล่าเรื่องจากอดีต แยกย้ายสร้างครอบครัว

ความเดิมบทที่แล้ว หลังจากเริ่มต้นร้านนิวสยาม ขายเฟอร์นิเจอร์ หน้าตลาดโรงหนังกรุงสยามผมเองระบุเวลาไม่ได้ว่านานแค่ไหน ที่ขายเฟอร์นิเจอร์แต่ถ้าเดาๆ หลังจากพ่อผมเสียปี 2513 น่าจะไม่เกิน 2-3 ปี เพราะมีการย้ายบ้านที่พำนักจากร้านง่วนเฮงหลี ตลาดยิ่งเจริญ ที่ปล่อยร้านให้คนเซ้งเพื่อเอาเงินมาโปะบ้านที่ร้านนิวสยาม เพื่อให้ปลอดหนี้เข้าใจว่ากิจการร้านนิวสยามน่าจะเปลี่ยนตามไปด้วย เพราะต้องขนของจากร้านเดิมที่ขายเครื่องปรุงรส อาหารกระป๋อง ถ่านไม้ เตาไฟ มาไว้ที่แห่งใหม่

อีกอย่างเฟอร์นิเจอร์อาจไม่ตอบโจทย์การค้าอีกต่อไป เท่าที่จำได้เฟอร์นิเจอร์ที่เหลืออยู่ในร้านถูกแยกย้ายนำไปใช้ แต่ละคนเท่าที่ผมเห็น เครื่องปรุง อาหารกระป๋อง ข้าวสาร น้ำตาล ไม่ได้ตามมาด้วย แต่ไม่รู้ไปไว้ไหนเพราะระหว่างนั้นมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกรอบ โกดังที่เก็บสินค้าที่ตลาดโสภา ห่างจากร้านนิวสยามไม่เกิน 100 เมตร ไม่ว่าข้าวสาร น้ำตาล ถ่านไม้ น้ำมันก๊าด กระสอบนุ่น และอื่นๆ ถูกเพลิงไหม้ต้องเรียกว่าหมดทั้งหลัง ตึกแถวละแวกนั้นเป็นเถ้าถ่าน ไม่รู้เหตุเกิดจากบ้านหลังไหน ก็น่าจะเหตุผลปกติไฟฟ้าลัดวงจร เหตุเสียหายรอบนั้นหมดเงินไปเยอะ

ต้องเรียกว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดโหมกระหน่ำกันไม่หยุดหย่อน สาเหตุที่จำโกดังได้ เพราะผมมีหน้าที่เข็นถ่านไม้ใส่กระชุจากโกดัง มาวางขายหน้าร้านนิวสยามทุกเช้าวันนึงประมาณ 6-7 กระชุน่าจะเป็นจุดเปลี่ยนการค้าอย่างถาวร เพราะร้านนิวสยาม เปลี่ยนขายสินค้าอีกครั้งเป็นของใช้ในครัวเรือน เช่น จาน ชาม หม้อ และอื่นๆ แต่ไม่มีของกิน เครื่องกระป๋อง ถ่านไม้ ข้าวสาร น้ำตาล กระสอบ อีกแล้ว

เมื่อเหตุร้ายเกิดกับครอบครัวอีกครั้ง ถึงเวลาช่วยกันอีกรอบต้องหารายได้เพิ่ม เอาข้าวของเครื่องใช้ที่มีในร้านนิวสยาม หาตลาดเพิ่มหารายได้เพิ่ม โดยการขายตลาดนัด ตามที่ต่างผมจำได้เรามีแผงขายใหญ่มากที่ตลาดนัดจตุจักร ยุคเริ่มต้นผมมีหน้าที่นอนเฝ้าแผงเพราะไม่ได้ขนของกลับ คืนวันเสาร์ต่อวันอาทิตย์ ขายของตลาดนัด เริ่มต้นจากเฮียช้ง เฮียใหญ่ ออกขายตลาดนัดแผงใหญ่ เคยไปช่วยตอนเล็กๆ รถจอดอยู่บนถนนพหลโยธิน หน้าร้านนิวสยาม ผมมีหน้าที่นอนเฝ้ารถเพราะตัวเล็ก เหมือนหารายได้ช่วยกันหลายทาง

จนวันหนึ่งเฮียช้ง ก็มีครอบครัว ซ้อป๋อ สาวยะลา เบตง เข้ามาช่วยที่ร้านนิวสยามอีกคน และเป็นคนรับผิดชอบแทน เจ๊หมวย เพราะแต่งงานออกเรือนไปอยู่กับสามีเป็นโรงไม้แถวบางเขน หัวถนนรามอินทรา ปัจจุบันใกล้กับเซ็นทรัลรามอินทรา แต่ได้ย้ายออกไปซื้อบ้านแห่งใหม่ทำการค้าที่ใหม่ ตรงข้ามบิ๊กซี สะพานใหม่ ผมเรียกเหมือนเจ๊หมวยแล้วกัน เฮียฮง จริงๆ ผมต้องเรียก อานึ้ง คนจีนชาวจีน จะมีวิธีเรียกอีกแบบ ละไว้ในฐานที่เข้าใจ โกสุรีย์ ก็แต่งออกแต่เหมือนไม่ถูกใจยังไงไม่รู้ หนีเรือนเอาเป็นว่าเข้าใจและไม่เข้าใจ และไม่ควรไปยุ่งเด็ดขาด

จนวันหนึ่งเฮียใหญ่ ก็ป่วยเป็นโรคมะเร็งไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ซ้อป๋อง เป็นผู้รับอาสาดูแล จนกระทั่งเฮียใหญ่จากไป เฮียเล็ก ก็มารับภาระตามเฮียใหญ่ ขายตลาดนัดกับ เฮียช้ง หลังจากนั้นไม่นานก็พบรัก และก็แต่งงานกับ ซ้อเล็ก สาวเมืองเพชรบุรี ช่วงนั้นยังไม่มีการแยกย้าย เหมือนเพิ่มปริมาณสมาชิกในครอบครัว ส่วนใครมีหน้าที่เรียนก็เรียนไป เช่น เฮียน้อย กับ ผม เฮียน้อยคนเรียนเก่ง ส่วนผมต้องเรียกหมาไม่รับประทาน

เฮียน้อย เรียนดี จบคณะดีๆ ก็ได้ทำงานกับองค์การโทรศัพท์ ยุคนั้นต้องเรียกหัวกระทิ ถูกส่งไปเรียนต่อในต่างประเทศ เป็นหัวหน้างานในองค์กรมั่นคง

หลังจากนั้นเริ่มมีการแยกย้ายบ้าน เฮียช้ง กับ ซ้อป๋อง ก็แยกบ้าน ตอนนั้นมีลูกกันแล้วเล่ากันแบบเร็วๆ มีลูก 3 คน โอ๋ แอร์ มิ้นท์

เจ๊หมวย กับ อานึ้ง “เฮียฮง” ก็มีลูก 3 คน เอ๋ แอน อัน ไม่เล่าเบื้องหลังการสูญเสียลูก 1 คนที่เจ็บปวดกันทั้งครอบครัว

เฮียเล็ก กับ ซ้อเล็ก ก็มีลูก 3 คน อั้ง ฮุ้ง พลอย

เฮียน้อย กับ ซ้อต่าย สาวสะพานใหม่ ร้านซุปหางวัว ชื่อดังย่านสะพานใหม่ ในตลาดกรุงสยาม คนในอดีตจะรู้จักกันดี น่าจะเป็นที่เลี้ยงสังสรรค์ของบรรดาทหารอากาศ เพราะอยู่ใกล้กองทัพอากาศ ก็มีลูก 2 คน โม เจ๊ท

ส่วนผม นิด กับ เอ๋ ไร้น้ำยา ไม่มีลูก เป็นนักข่าวทั้งคู่ และถูกกระแสปี 2540 ต้มยำกุ้งตอนนั้นเปิดบริษัทเกี่ยวกับโฆษณา พัดพาเศรษฐกิจจนหมดตัว มาเริ่มใหม่ ด้วยการเป็นนักบัญชี สำนักงานบัญชี ลุกขึ้นสู้อีกรอบในอาชีพที่เปลี่ยนไป

เป็นการแยกย้าย และเติบโต ไปคนละแบบ

บันทึกไว้ 20 สิงหาคม 2567

สาม สอเสือ