บ่นหรืออวยพร

ปีใหม่ปี 2568 หยุดมากมั้ยก็คงไม่ หยุดยาวเหมือนเดิม แต่ปีนี้ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม เหมือนหยุดมากไป สำหรับความรู้สึกส่วนตัว ทั้งๆ ที่การหยุดใช้เวลาเท่าเดิมที่ได้ออกแบบไว้กับการทำงาน

ที่สำนักงานจะให้สิทธิ์ในการจัดการเวลาตัวเองกับงาน เวลาหยุดเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่งานต้องเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ กำหนดไม่ยากใช่มั้ยครับ แต่คนกำหนดเวลาวันหยุดต้องใช้ใจพอสมควร มากไปก็ไม่ดีเพราะเหมือนเอาเปรียบคนอื่นที่ทำงานด้วยกัน น้อยไปก็อึดอัดในแง่ของแต่ละคน และความจำเป็นในชีวิตที่ไม่เหมือนกัน แต่ในละเวลา วันหยุดจึงสำคัญไม่น้อยกว่าวันไม่หยุดและต้องทำงาน ไม่ว่าตัวเองหรือผู้อื่น เอาแค่วันหยุด หรือไม่หยุด ผมสามารถเขียนได้เป็นพรรณนา

ช่วงวันหยุดสิ้นปีก็เดินทางท่องเที่ยวตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติเพราะปีนี้เด็กๆ ที่เคยไปเที่ยวด้วยกันโตแล้ว ภาระหน้าที่แตกต่างกัน วันหยุดเลยไม่ค่อยตรงกันก็เท่านั้น ไม่มีผลต่อการท่องเที่ยว แต่มีผลต่อจิตใจ และการพูดคุยที่ถอยห่างตามอายุ และภาระหน้าที่

อาจจะเป็นเพราะเป็นปีที่ระวังตัวมาก สำหรับตัวเองเพราะข้อมูลปี 2568 ดูไม่ดีเลยไม่ว่าเศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก และสงคราม ความไม่สงบตามที่ต่างๆ หลายประเทศ ทุกอย่างมันเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม รวมทั้งเทรนด์ต่างๆ ที่มันเร็วมาก จนรู้สึกเหนื่อยกับการรับรู้ ครั้นจะไม่อ่าน ไม่ฟัง จะได้ไม่เครียดมาก ก็ทำไม่เป็น มันต้องรู้ต้องฟัง ต้องอ่าน มันเหมือนความเคยชินที่ทำอยู่นานปี สิ่งแรกที่กังวลหลายอย่างจะกระทบเรามั้ย

มีคนถามในรถยนต์ระหว่างเดินทาง โดยเฉพาะชื่อในอดีต และเรื่องราวในอดีตของสถานที่บางแห่ง ผมดันตอบได้แบบ งงๆ กับตัวเองเหมือนกันทำไมรู้ เช่น ดงพญาไฟ ดงพญาเย็น เปลี่ยนชื่อ มันคือที่เดียวกันตอบด้วยความจำ หอเอนเมืองปิซ่า มันเอนเพราะคนสร้างต้องการเอน หรือเอนเองด้วยทรุดตัว ผมก็บอกหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางเมืองปิซ่าไปทำระบบค้ำไว้ เพราะมันเอนขึ้นทุกปีจากอดีต ถ้าปล่อยไว้มันจะล้ม ไม่ได้สร้างเพื่อให้หอมันเอน นั่นก็ตอบด้วยความจำ มีเรื่องอื่นอีกเยอะ ผมบอกว่าเมืองไทยจะมีเคล็ดลับอย่างหนึ่ง อะไรไม่ดีเขาก็เปลี่ยนชื่อ จะเพื่อเคล็ดลับ ดวง หรือการค้า ก็คนละเรื่องเดียวกัน

ผมไปคิดถึงเรื่องต้นไม้เพราะโรงแรมที่ไปพักตอนสิ้นปี ที่เขาใหญ่มีต้นไม้ใหญ่ และมีลูกอยู่โคนต้นหลายลูกผมพูดกับหลานสาว มันคือ ต้นตีนเป็ด ในอดีตก็เปลี่ยนเป็นพญาสัตบรรณ เลยเถิดไปคิดถึง ต้นสั่นทม ก็เปลี่ยนเป็นลีลาวดี มีอีกเยอะจำไม่หมด หรือไม่ก็ลืม

ยิ่งตอบได้เยอะยิ่งไม่ค่อยสบายตัวสบายใจ เพราะยิ่งคิด มันต้องมีเรื่องอีกเยอะที่เราไม่รู้ โดยเฉพาะสถานการณ์ปัจจุบันที่โลกเปลี่ยนเร็วมาก มีสิ่งใหม่ๆ เข้ามาเยอะ และเร็ว โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีใหม่ ต้องเรียกว่าผมควรอยู่ท้ายตาราง เพราะรู้น้อย มันยิ่งทำให้ระวังตัวเพิ่มขึ้น

ช่วงวันหยุดจะหาดูยูทูป ช่องความรู้การประเมินสถานการณ์ ปี 2568 ทุกช่องพูดคล้ายกัน ไม่ดี ทั้งเศรษฐกิจ การเมืองไทย และความขัดแย้งที่เกิดหลายประเทศในโลก ก็พยายามประเมินตัวเอง จะกระทบมั้ยเป็นคำถามที่ก้องอยู่ในหัวตลอดเวลา แต่ไม่ได้รับคำตอบเพราะมันเป็นเรื่องอนาคตที่ต้องประเมินเดือนต่อเดือน กำหนดไม่ได้ ไม่มีทางคาดเดาถูก เพียงแต่ประเมินถ้ากระทบจะแก้สถานการณ์อย่างไร คือ ทำได้แค่นี้

ขำตัวเองระหว่างวันหยุดไปนั่งคิดชีวิตหลังความตาย ตามตำราหมอดู ยิ่งขำ ตายก็คือตาย ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้เคยมีมั้ย ในอดีตมีมนุษย์กี่คนในโลก ปัจจุบันกว่า 9 พันล้านคน แล้วมาจากไหน ถ้าการเวียนว่ายตายเกิด เกิดขึ้นจริง โลกเราก่อนจะเย็นลง มันไม่มีชีวิตหลายพันล้านปี แล้วทุกอย่างเพิ่งสิ่งมีชีวิตมันมาได้ยังไงวิญญาณ ผมบ้าแน่ถ้าคิดแย้งเหล่าความเชื่อ แล้วก็ไม่ควรดูถูกความเชื่อผู้อื่นเด็ดขาด

ในรอบปีเจอประโยคที่ชอบหลายประโยค จากนักวิชาการ จากนักเขียน แต่มีประโยคหนึ่งจากหนุ่มเมืองจันท์ ที่จำได้ ความรู้ในโลกนี้มีสองแบบ รู้ว่ารู้อะไร กับ รู้ว่าไม่รู้อะไร มันคมจัง แต่ผมคิดต่อผมเห็นผู้คนอีก 1 ประเภทเรื่องความรู้ คนแบบประเภท ไม่รู้ว่าไม่รู้อะไร หรือไม่รู้ว่ารู้อะไร น่าจะเป็นพวกเดียวกัน ในสังคมมีเยอะมาก ไม่ใช่ความรู้แต่เป็นผู้คน ทำให้ปวดเศียรเวียนเกล้า แสดงความคิดเห็นในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ ประเภทนี้หัวร้อนจะเยอะหน่อย โดยเฉพาะในโลกโซเซียล

พอแล้วเขียนเหมือนบ่น สวัสดีปีใหม่ ขอให้ทุกท่านประสบแต่ความโชคดี ร่ำรวย สุขภาพแข็งแรง

บันทึกไว้ 3 มกราคม 2568

สาม สอเสือ

Photo credit https://www.pond5.com/stock-images/illustrations/item/164832377-good-luck-lettering-typography-good-luck-calligraphy