ประสบการณ์ใหม่ในโอซาก้า
เหตุการณ์วันที่ 26 ตุลาคม 2568 วันแรกในแผ่นดินญี่ปุ่น
คิดอยู่พักใหญ่ว่าจะเขียนไปเที่ยวญี่ปุ่น หลายเมืองที่ผ่านมาแบบท่องเที่ยว หรือแบบที่พบเห็น ร่างข้อความแบบท่องเที่ยวไว้แล้วแต่ก็ลบทิ้ง เปลี่ยนแนวมาเขียนแบบที่ได้พบน่าจะดีกว่า เพราะผมเองไม่ใช่สายเขียนท่องเที่ยว หรือแนะใครไปเที่ยวตามเหมือนยูทูปเบอร์ ส่วนใครจะเที่ยวตามก็ต้องไปตามรอยคนอื่น
หลังจากลงสนามบินคันไซ ที่เมืองโอซาก้า เช้าตรู่ จุดแรกที่พวกเราเดินทางไปคือ ปราสาทโอซาก้า ผมเองไม่ใช่สายของโบราณ หรือสายมู โดยเฉพาะอย่างหลังนี่ไม่เอาเลย เวลาไปเที่ยวผมเดินออกจากสถานที่เหล่านั้น ใครอยากเที่ยวก็ไม่ว่ากันแล้วแต่ชอบ ส่วนตัวผมเองไม่มีความเชื่ออาศัยจะเดินออกมานั่งด้านนอก
ไม่ว่า เจ้า พระผี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ชอบความทันสมัย วิถีชีวิตชาวบ้านมากกว่า เขาอยู่กันแบบไหน กินอะไร ซื้อของใช้แบบไหนซื้อที่ไหน เขาอยู่กันในเมือง ในตลาด เขาทำอะไร ซื้ออะไร กินอะไรอยากรู้พวกนั้นเป็นพิเศษ
ปราสาทโอซาก้า ผมเดินขึ้นไปก็งั้นๆ ได้ดู ได้ฟัง ได้สัมผัส เรื่องหินแผ่นใหญ่ ก่อสร้างกำแพงลวงตาศัตรู ให้ศัตรูมองว่ามีคนเยอะสามารถยกหินก้อนใหญ่สร้างกำแพงเมือง คล้ายฉากหนึ่งในสามก๊ก ที่ขงเบ้งนั่งอยู่บนกำแพงเมืองดีดพิณ ไม่หนีไปไหนเพื่อหลอกสุมาอี้ ว่าในเมืองเต็มไปด้วยทหาร (กลเมืองร้าง) นอกนั้นความทรงจำจะไม่ค่อยมี ไม่ว่าชุดนักรบ โชกุล หรือคติความเชื่อแบบโบราณ ไม่ได้เกี่ยวกับไกด์นะครับ หรือโปรแกรมนำเที่ยว เพราะเขาเหล่านั้นน่ารักในหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว แต่เกี่ยวกับตัวผมเองล้วนๆ ที่ไม่ได้บอกความให้เข้าใจ
มาประทับใจที่แรกก็คือ ตลาดคุโรมง เดินไม่ไกลมากในตลาด เป็นร้านแผงลอยเล็กๆ ร้านอาหาร ทะเลสด นั่งกิน ผมยังได้มีดทำครัวยาวๆ แบบญี่ปุ่น ไว้หั่นปลาดิบเหมือนในคลิปทำอาหารสด อาหารทะเลสไตล์ญี่ปุ่น ผมว่าหากินในเมืองไทยยาก หรือมีผมเองก็ไม่รู้ว่าจะไปหากินที่ไหน หรือที่ญี่ปุ่นเมืองอื่นที่เคยไปทางใต้เกาะคิวชู ก็ไม่เคยเห็น เรื่องปลาดิบ โดยเฉพาะอยู่เมืองไทย ผมก็กินพวกปลาแซลมอนปกติ ราคาก็ดูตามเส้นไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อปลา
สำหรับปลาทูน่าตัวยักษ์ อันนี้บอกเลยความรู้น้อยมาก ในเมืองไทยเห็นเรียก โอโทโร่ ผมก็ตีความว่ามันคือรวมๆ เป็นปลาทูน่ายักษ์ ที่เขาประมูลกันแพงมากในสารคดี เห็นว่าตัวละ 2 ล้านบาททำไมแพงจัง ไม่เห็นอร่อยก็ซื้อตามห้างในเมืองไทย เห็นเนื้อแดงไขมันน้อยไม่อร่อย ทำไมแพงแล้วก็ไม่เคยสืบค้น เพราะในสมองมันถูกตีความไปแล้วว่าไม่อร่อยก็เลยไม่ศึกษา ส่วนแซลมอนที่ศึกษามาเยอะ ปลาประเทศไหน น้ำแบบไหน เนื้อสีอะไร ไขมันเป็นอย่างไร และวิธีการฆ่าพญาธิในปลาสด เวลากินอาหารแบบซาเซมิ ด้วยการแช่เย็นติดลบขนาดไหนใช้เวลากี่วันเพื่อฆ่าพยาธิ ส่วนกินสุกนั้นไม่มีปัญหาเพราะพยาธิตายอยู่แล้วเจอความร้อน
สำหรับปลาทูน่ายักษ์ ขอเขียนไว้แบบนี้นะครับไม่ได้จำแนกสายพันธุ์เพราะไม่รู้ เพราะปลาทูน่าเป็นปลากระป๋องในซอสมะเขือเทศก็มีเรียกปลาซาร์ดีน ผมแยกไม่ออก
ปลาทูน่ายักษ์ เนื้อแบ่งเป็น 3 เกรด เนื้อแดง เรียกว่า อากามิ อันนี้ผมเห็นในไทยตามห้าง ไม่เห็นอร่อย ส่วนมีไขมันแทรก บ้างเรียกว่า ชูโทโร่ อันนี้ไม่เคยกิน ส่วนที่เขาเรียกจนผมนึกว่าชื่อปลาทูน่ายักษ์ คือ โอโทโร่ คือเนื้อมีไขมันแทรกมาก คล้ายเนื้อวัววากิว
ไกด์สาวสวย โกะ ที่เป็นคนแนะนำ เขาอยากให้ลองกิน แบบมีไขมันแทรกบ้าง เนื้อจะไม่นุ่มเกินไป ผมไม่รู้ว่าชิ้นที่เลือกควรเรียกว่าอะไร ชูโทโร่ หรือ โอโทโร่ แต่หลังจากได้ชิมเหมือนฝันเลย มันถูกปากมากไม่เคยได้สัมผัสผ่านลิ้นแบบนี้มาก่อน ไกด์สาว บอกว่าแล้วแต่คนชอบบางคนก็ชอบแบบไขมันแทรกเยอะ ส่วนไกด์ชอบแบบไขมันแทรกนิดหน่อย ลองชิมอร่อยจริง เวลานั้นผมลืมเพราะมันอร่อยลิ้นมาก เลยลืมเลือกอีกชิ้นแบบไขมันแทรกเยอะแบบ โอโทโร่ เสียดาย
อาหารทะเลอีกตัวที่กินสด คือ หอยเม่น ผมก็ไม่เคยลอง และก็ไม่รู้ว่ากินยังไง ไกด์สาวแนะนำต้องลอง ไม่รู้เขาไปทำยังไงบ้าง เวลามาเสิร์ฟมันจะดิบๆ เอาเปลือกออกด้านบนเหมือนมะพร้าวเล็กๆ ข้างในสีเหลือง ไม่ได้ถามมันคือเนื้อหอยเม่น หรือไข่หอยเม่นเหมือนไขมัน ได้ชิมดูก็แปลกลิ้นเป็นครีม ผมหยอดวาซาบิ ตามไกด์สาวบอก กินด้วยความแปลกใหม่เท่านั้น
อีกชนิดที่ไม่เคยกินคือ ซาเซมิ เนื้อปลาปักเป้า รู้มาว่าคนทำต้องมีใบอนุญาต เพราะปลาปักเป้า จะมีพิษร้ายแรงถ้าคนทำไม่เป็น กินถึงตายแน่ ในเมืองไทยผมไม่กล้ากินเพราะกลัว แต่ญี่ปุ่นน่าจะขึ้นชื่อและกฎหมายเขาแรง เป็นร้านที่มีใบอนุญาตทำปลาปักเป้าแน่นอน พอได้ชิมเนื้อ จะเหนียวแน่นเหมือนปลาหมึกสดแต่ไม่มีกลื่น ส่วนหนังพ่อครัวหั่นชิ้นฝอย ผมชิมก็แปลกเช่นกันเหมือนกินหนังหมู ต้มสุกหั่นฝอย นอกนั้นพวกกล้ามปูทาราบะนึ่งสุก ในเมืองไทยหากินไม่ยาก ไม่ว้าวแต่ต้องชิมในฐานะนักท่องเที่ยว
ช่วงเย็นพวกเราได้แวะไปย่านโดทงโบริ และชินโซมาชิ เป็นร้านค้าริมคลองทันสมัย แต่ผมลองเทียบว่าถ้าในเมืองไทย น่าจะเทียบเคียงกับย่านไหนให้มองเห็นภาพ น่าจะตลาดอัมพวา แต่สภาพตึกริมคลอง จะเป็นตึกสูง ร้านขายสินค้า ขายอาหาร เป็นย่านช้อปปิ้งของเมืองเท่ดี ได้ไปลองโทโกะยากิ เป็นคล้ายร้านแผงลอย แต่มีดารามารีวิวเยอะ ไกด์สาวบอกว่าเป็นร้านดังมาก ได้ชิมก็อร่อยนะไม่เหมือนกินในเมืองไทย โดยเฉพาะปลาหมึกเป็นหนวดปลาหมึกยักษ์กรอบๆ น้ำซอสครีม ในก้อนกลมโทโกยากิ ลงตัวไม่ใช่มีแต่แป้ง
ทุกอย่างถือว่าเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากๆ มอง กิน ฟัง ผ่านตา ผ่านปาก ผ่านหู คุ้มค่า คุ้มค่า
บันทึกไว้ 31 ตุลาคม 2568
สาม สอเสือ
