เกียวโต ท่องธรรมชาติ
เหตุการณ์ 27 ตุลาคม 2568 เกียวโต ชื่อนี้มีมนต์ขลัง
เกียวโต หรือ คนญี่ปุ่นเรียกเคียวโตะ ผมแค่รู้ว่าเป็นเมืองหลวงเก่า ของญี่ปุ่น สมัยเมจิ หรือ เอโดะ พันกว่าปีมาแล้ว ไม่ได้สืบค้น ก่อนย้ายมาโตเกียว เมื่อประมาณ 150 ปี นอกนั้นใครอยากรู้อะไรลึกๆ ทางประวัติศาสตร์ ในอินเตอร์เน็ตมีให้สืบค้นมากมาย
จะไม่เขียนแบบประวัติศาสตร์ เพราะไม่ได้มีความรู้มากนัก แล้วก็ไม่เขียนแบบท่องเที่ยวด้วย เพราะความถนัดน้อย เหมือนบทความก่อนหน้านี้ที่เคยบอกเล่าเก้าสิบ แต่จะเขียนแบบได้พบ ได้เห็น ได้คุยอะไรมาเล่าสู่กันฟัง
เช้านี้มีโอกาสได้พูดคุยกับไกด์ สาวโกะ เพราะสนิทกันมากขึ้นเลยถามชีวิตเป็นยังไง สาวบ้านไหนประมาณนี้ ไม่เปิดเผยเยอะเป็นชีวิตส่วนตัว แต่บอกคร่าวๆ ว่าเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น ไทย แม่เป็นคนพะเยา
โกะ เล่าเรื่องตัวเองที่ผมสนใจมากโดยเฉพาะเขายอมรับไม่ได้เรียนสูงมากนัก แต่ฝึกสกิลหลายแนวจนวันนี้นอกจากเป็นไกด์แล้ว ยังมีวงดนตรีร้องเพลงตามงานจ้าง เอออันนี้ว่าแปลกแล้วนะเป็นไกด์ด้วย ร้องเพลงด้วย แล้วยังมีอีกหลายอย่างที่ โกะ ฝึกสกิลเยอะมาก ผมบอกนี่แหละแนวทางคนรุ่นใหม่ ในอเมริกาเยอะแยะ ในห้องเรียนไม่ตอบโจทย์ เพียงแต่ของผมเป็นวิชาชีพ ต้องมีทะเบียนขึ้นกับราชการ สิ่งที่ผมชอบมากเขาอยู่กันแฟนที่มีบ้านอยู่นนทบุรี เปิดเป็นบริษัทรับจ้างไล่นกพิราบ โดยใช้นกเหยี่ยว อันนี้เป็นความรู้ใหม่มากๆ เคยได้ยิน แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นอาชีพได้ เลยเข้าไปดูในยูทูป ช่อง 7 เคยมาทำสกู๊ปข่าวอาชีพเมื่อประมาณ ปี 2566 หรือก่อนหน้านั้นลืม
บริษัทรับจ้างไล่นกพิราบ ลูกค้าเป็นใคร อันนี้ผมสนใจเพราะเป็นสำนักงานบัญชีต้องดูแลหลายประเภทกิจการเยอะมาก หลากหลาย โกะเล่าว่า ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นโรงงานมาจ้าง นกพิราบจะสร้างความเสียหายให้ข้าวของโดยเฉพาะขี้นก เมื่อเหยี่ยวไล่ไปแล้วนกพิราบจะกลัว ไม่กลับมาพักใหญ่ๆ เพราะกลัว เหยี่ยวมันไล่ล่าจับฉีกเนื้อกันจริงจัง พิราบจะกลัวแล้วหนีไป บอกข้อมูลคร่าวๆ เผื่อใครจะใช้บริการ ผมเองไม่รู้ว่าเขาพร้อมให้เปิดเผยหรือไม่ บทความนี้ โกะ คงได้อ่านเพราะผมจะส่งลิงค์ไปให้ ถ้าเปิดเผยได้ผมจะมาเขียนเพิ่ม
กลับมาเรื่องญี่ปุ่นต่อ พวกเราออกจาก โอซาก้า ประมาณ 9 โมงครึ่ง เพื่อเดินทางไป เกียวโต ระยะทางประมาณ 70 กิโลเมตร เปลี่ยนเมืองนอนอีกรอบ หนุ่มป๊อบ พลขับประจำท่องเที่ยวครั้งนี้ บอกว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
เล่าเรื่อง หนุ่มป๊อบ กันพอสังเขป หนุ่มป๊อบ นี่ก็คนไทยหนุ่มระยอง พ่อมีภาระหนี้สินเยอะมากจนไปต่อไม่ได้เขาเล่าให้ฟัง หนุ่มป๊อบ เลยหาทางสู้ชีวิตขึ้นมาใหม่ มาญี่ปุ่นเริ่มต้นชีวิต ขับรถประจำทัวร์ให้นักท่องเที่ยว ประวัติลึกๆ คงไม่เล่าเป็นเรื่องส่วนตัวอีกเช่นกัน แต่ผมยกนิ้วให้เลยเพราะผมก็เคยบาดเจ็บสาหัสจากเศรษฐกิจ ปี 40 เช่นกัน
ย้อนกลับมาเกียวโต บทนี้ไม่ได้มาเล่าชีวิตรันทดปัดโธ่ เกียวโต เนื่องจากเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของญี่ปุ่น กว่า 1,200 ปีถือเป็นเมืองเก่าแก่มาก เทียบกับเมืองไทยไม่รู้ว่าจะเป็นเมืองไหน เกียวโต จึงเต็มไปด้วยวัด และศาลเจ้า เพราะคนญี่ปุ่นนับถือ ศาสนาชินโต แต่ข้อกำหนดเมือง เลยไม่ค่อยให้สร้างตึกสูงเหมือนเมืองอื่น เพราะไปบังทัศนียภาพความเก่าแก่ของเมือง
สาวโกะ เล่าให้ฟังว่า คนเมืองนี้จ่ายภาษีน้อยที่สุดในญี่ปุ่น ก็เป็นไปได้เพราะความเจริญน่าจะน้อยสุด เนื่องจากพัฒนาให้ทันสมัยยาก แต่ก็เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติได้ไม่น้อย ผมเห็นคนใช้จักรยานเยอะ ถนนหนทางในเมืองคับแคบสไตล์เมืองเก่าแก่ ชาวเกียวโตขี่จักรยาน ออกจากบ้านมานั่งรถประจำทาง เพราะมีที่ฝากรถจักรยาน คิดค่าบริการ 100 เยน ต่อ 24 ชั่วโมง ก็ประมาณ 22 บาทไทย อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่เขียน
รถคณะทัวร์เล็กๆ ของเรา 5 ชีวิต รวม ไกด์โกะ และ พลขับป๊อบ รัดเลาะไปตามถนนหมู่บ้าน บ้านเมืองญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าสะอาดอยู่แล้ว ผมถ่ายภาพอย่างมีความสุข ภาพแปลกตาในฐานะคนไทย ที่ไม่เคยเห็น และความสะอาดของบ้านเมือง
รถมาจอดอยู่ย่าน อาราชิยาม่า เราเตรียมเที่ยวจุดไฮไลท์ของเมือง คือ ป่าไผ่อาราชิยามะ พวกเราใช้บริการรถลาก ยอมรับหนุ่มลากรถหล่อมากฝีมือการถ่ายภาพสวยมาก ขนาดผมเป็นผู้ชายยังต้องชม ส่วนเรื่องการถ่ายภาพผมว่าเขาต้องมีทักษะอยู่แล้ว ให้บริการนักท่องเที่ยวมานานวันละหลายรอบ ภาพออกมาสวย นอกนั้นเที่ยววัด ผมเฉยๆ ถ่ายภาพได้ไม่เยอะ เพราะเคยไปเที่ยววัด ศาลเจ้ามาแล้ว แถวเกาะคิวชูเที่ยวนอนหลายเมืองเหมือนกัน ยังไม่เข้าถึงรสพระธรรม
นอกจากโชว์วัดแล้ว ในวัดจะมีการโชว์ลานหินกรวดวาดลวดลายแบบเซน หรือเรียก สวนเซน ผมมองไม่ออกหัวศิลปะไม่ถึง เขาว่ากันว่าศิลปิน กำลังบอกศิลปะชิ้นนั้นจะบอกธรรมชาติว่าอะไร ยิ่งมองไม่ออก ตีความไม่ออกผมโง่เอง
ไฮไลท์ ประจำตัวผมคือ นอกจากเที่ยวธรรมชาติ และมองดูผู้คน การได้กินร้านอาหารดังประจำถิ่นก็ถือเป็นไฮไลท์ ไม่ต้องใหญ่หรูหราก็ตอบโจทย์ในใจผมแล้ว ถึงแม้ว่าอาหารจะธรรมดา เราจองโต๊ะไว้ 13.00 น. แต่พอเดินเที่ยวเพลินไปหน่อย ไกด์โกะ โทรไปเลื่อนเวลามาได้ 15.00 น. ก็โอเค อาหารพิเศษสำหรับผม หมี่เย็นกับกุ้งเทมปุระ ชื่อร้านโยชิมูระโซบะ อยู่ใกล้กับสะพานโทเง็ตสึเคียว ยอมรับว่าอร่อยมาก ก็ไม่ถึงกับที่สุดเพราะผมเองกินประจำอยู่ในเมืองไทย กินตามร้านทั่วไปทำกินเองก็มี แต่บรรยากาศมันได้ไง บะหมี่เย็นญี่ปุ่นแท้ ต้องร้านเฉพาะ และกินที่ญี่ปุ่น กินที่เมืองเก่าเกียวโต กินที่เมืองท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง อาราชิยาม่า แค่นั้นแหละทุกอย่างมันอร่อยเอง
ฮา จินตนาการอยู่เหนือเหตุผล
หลังจากจัดการอาหารเรียบร้อย ต้องเดินทางต่อเพราะยังไม่หมดวัน ไกด์โกะ พาพวกผมไป ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ หรือศาลเจ้าจิ้งจอก จะมีรูปปั้นสุนัขจิ้งจอก โชว์หน้าศาลเจ้า ไกด์พาคณะผม ให้ไปชมเสาโทริอิ เป็นซุ้มประตูเสาสีแดง ตามแบบศาลเจ้าชินโต ใครตามเรื่องญี่ปุ่น น่าจะพอเดารูปลักษณ์ออก ไกด์เล่าจะมีการบนบาลสารกล่าว ขอนู่นนี่นั่นโดยเฉพาะส่วนใหญ่พวกบริษัท ห้างร้าน ขอให้สำเร็จในกิจการ พอได้หรือไม่ได้ก็ไม่รู้ ก็จะมาสร้างเสาโทริอิถวาย ตอนนี้น่าจะมีประมาณ 2 หมื่นต้น ผมบอกว่าคงไม่ดูหมด ขอ 5 ต้นพอเดินไกลเกินดูเสา
ฮา อีกรอบ
หมดวันเที่ยวประจำวัน ด้วยการมาพักที่ Ogoto Onsen Biwako Ryokusuitei โอโกโตะ ออนเซ็น บิวาโกะ เรียวคุซุยเตอิ ชื่อยาวมากต้องเขียนให้หมด เดี๋ยวหาว่าไม่รู้จริง
อิๆ
เป็นการนอนแบบเรียวกัง คือการนอนกับพื้นเสื่อมีเบาะรองนอนไม่มีเตียง หลังห้องมี อ่างออนเซ็น แบบพอดีตัว ลงไปนอนสบายๆ น้ำร้อนอากาศเย็น 10 องศา กับวิวสวยริมน้ำ
ตอบโจทย์มากๆ
มื้อเย็นเราจบด้วย ร้านไคเซกิ ในที่พักของโรงแรม ไกด์แนะนำให้แต่งชุดแบบญี่ปุ่น ยูกาตะ ลงไปกินด้วย เพราะโรงแรมเขาเตรียมไว้ให้แล้ว ส่วนผมจบแบบ ต้องดื่มเบียร์ซิครับรออะไร ดื่มในร้านเสร็จไปดื่มที่ห้องต่อ เพราะซื้อมาเตรียมไว้แล้วแบบเป็นกระป๋อง เยอะอยู่นะครับ
มึน แต่ ไม่เมาครับ สวัสดี
บันทึกไว้ 4 พฤศจิกายน 2568
สาม สอเสือ
