ไหว้ศาลเจ้าดะไซฟุ รับฝนส่งท้ายปี

ท่องเที่ยว วันที่ 31 ธันวาคม 2565

ส่งท้ายปี 2565 จะว่าไป สนุกก็สนุกมากครบรส รับวันสุดท้ายของปีขาล (เสือ) ด้วยฝน กำลังจะเข้าปีใหม่ปีเถาะ (กระต่าย) ซึ่งเป็นปีเกิดของผม หน้าหนาวบนเกาะคิวชู หลังจากผ่านลมหนาวมาหลายวัน วันสุดท้ายของปีในฟุกุโอกะ เจอฝนตั้งแต่เช้า มองในแง่ดี ได้ประสบการณ์เยอะไปหมด มองหิมะเกาะตามพื้นหญ้า บนภูเขาไฟอะโสะ นั่งหนาวริมทะเลหน้าโรงแรมในเมืองเบปปุ Beppu วันสุดท้ายของปีเจอฝนกลางเมืองใหญ่ฟุกุโอกะ ย่านฮากาตะ  Hakata เที่ยวแบบครบรสได้หลายบรรยากาศ

กินอาหารเช้าที่โรงแรม นัดกับไกด์ออกเดินทางประมาณ 8 โมงครึ่ง สถานที่ ที่จะไปไม่ได้ไกลมากนัก ตามโปรแกรมทัวร์ประมาณ ร้อยกิโลเมตร ด้วยสภาพถนนไม่ติดหนึบเหมือนในกรุงเทพ หรือเมืองใหญ่ในประเทศไทย จึงใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่า ศาลเจ้าดะไซฟุ ตัวศาลเจ้ายังไม่เท่าไหร่สำหรับคนรู้สึกผมคนเดียว ผมชอบถนนหน้าทางเดินเข้าศาลเจ้า เต็มไปด้วยร้านค้า ขายของประจำท้องถิ่นหรือประจำเมือง ผมได้ตะเกียบมาหลายคู่ ราคาถือว่าสูง 300 กว่าบาทต่อคู่ ยังไงก็ต้องซื้อเพราะสวยมาก และได้สินค้าพื้นเมืองอื่นพอสมควร

ระหว่างทางก็เก็บภาพท้องถนนไว้เยอะ ดูบ้านเมืองที่เจริญ ถนนหนทางสะอาดตามแบบฉบับญี่ปุ่น ที่เล่าลือกันทั่วโลก

เดินทางมาถึงศาลเจ้าฝนพร่ำอ่อนๆ ไม่ถึงกับเปียกจนเดินไม่ได้ คนญี่ปุ่น นักท่องเที่ยว พากันพกร่ม ส่วนคณะของผมก็ซื้อเอาแถวนั้น ร่มพับ 3 ท่อนพับเล็กๆ สวยดีน่าใช้ เก็บบรรยากาศข้างทางไปเรื่อยๆ

ภาพแมวผมเองไม่รู้ว่าของใคร หรือร้านรวงไหน ด้วยความที่บ้านก็เลี้ยงแมว เลยถูกสะกดพอสมควร ใครเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเหมือนเป็นสมาชิกในบ้านจะเข้าใจ เห็นใส่สายจูงแต่ไม่ได้มัดไว้ คนที่เดินทางมาศาลเจ้า แค่เดินไปทักทายแมว ไม่มีใครพยายามเอามือไปจับ ผมเองก็ไม่ใช้มือจับเพราะกลัวแมวจะกระโดดหนี ไม่อยากรบกวนแค่ทักทายในความน่ารักของแมวอยู่ในบรรยากาศเต็มไปด้วยผู้คน

ฝนตกเบาๆ สลับหยุดไม่เป็นปัญหาในการเดินเข้า หลังจากถึงบริเวณศาลเจ้า ผมเองให้คณะเข้าไหว้ โยนเหรียญตามตามประเพณี ที่ไกด์ปอแนะนำ ส่วนผมคอยถ่ายภาพ ไม่ต้องห่วงเรื่องไหว้พระ ผมยกมือเฉยๆ ก็ได้ไม่ต้องมีพิธีมาก เรียกว่าเก็บบรรยากาศมากกว่า ในศาลเจ้ามีอะไรสวยงามแปลกตาสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยแบบผม โดยเฉพาะรูปปั้นวัวกระทิงหมอบ เข้าใจว่าลูบหัวเพื่อเป็นสิริมงคล ไม่ได้ศึกษาว่ามงคลเรื่องอะไรอยากรู้อะไรก็ไปค้นในอินเตอร์เน็ต เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ และชาวญี่ปุ่น เขาเข้าไปถ่ายรูปคู่กับรูปปั้นวัวกระทิง มือลูบหัวลูบตัว ผมเก็บภาพถ่าย แค่รูปปั้นวัวเก็บไว้เท่านั้น เพื่อบอกว่ามาแล้วนะ

บรรยากาศในศาลเจ้าธรรมชาติล้วนๆ โดยเฉพาะต้นไม้ใหญ่ทรงสวยงาม ชอบมองต้นไม้ใบหญ้าโดยเฉพาะไม้ใหญ่เหมือนมีมนต์สะกดสายตาบางอย่าง ไม่เฉพาะตามสถานที่ท่องเที่ยว แม้แต่ในทุ่งนา สวน บางแห่งมีไม้ใหญ่ผมก็จ้องมอง

 

 

 

จุดที่เขามักโชว์ว่าต้องไปคือ ร้านกาแฟสตาร์บัค สาขาดะไซฟุ ตกแต่งสวยด้วยไม้ ส่วนตัวนะไม่เกี่ยวกับความชอบของผู้อื่น ผมชอบธรรมชาติกับผู้คนมากกว่า ส่วนสถาปัตย์ ไม่ว่าร้าน ศาลเจ้า หรือวัด ผมเฉยๆ เพราะเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น บางแห่งก็เพิ่งสร้าง สวยแบบไหนก็ได้ แต่ไกด์ปอให้ถ่ายภาพเก็บไว้ เพราะเป็นไฮไลท์ของที่นี่เช่นเดียวกัน

อาหารกลางวันทางทัวร์จองร้านไว้ อยู่ด้านหลังศาลเจ้า ก็เหมือนเดิมหมี่เย็น กุ้งเทมปุระ ต้องชิมเกือบทุกที่เป็นความชอบส่วนตัว อร่อยเหมือนกับทุกที่ ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากกว่าที่อื่น แต่บรรกาศนั่งบนพื้นเสื่อนี่สิชอบ กินเสร็จก็เดินเล่นในศาลเจ้าถ่ายภาพต้นไม้ใหญ่ ส่วนต้นไม้เล็กจะใบเหลืองเพราะอากาศเย็น เขาว่าต้นบ๊วยเยอะแต่ผมจำแนกไม่ออกและไม่ได้ถามว่าต้นไหน

 

ช่วงบ่ายหมดกิจกรรม คณะเราไปต่อที่ Marine world ว่ากันว่าเป็นอควาเรียมใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ติดกับทะเลเป็นบรรยากาศสวยงามจริงๆ อาจจะเป็นเพราะไม่เคยไปที่ประเทศอื่น เที่ยวแต่ในไทยไม่รู้ว่า อควาเรียม ประเทศอื่นติดทะเลมั้ยสระแสดงโชว์ วาฬ โลมา และสัตว์ทะเลอื่นๆ  ยื่นในทะเล ยอมรับทิวทัศน์โดดเด่น เห็นวิวทะเลไปด้วย

ในตัวอาคารจะเป็นพิพิธภัณฑ์ สัตว์ทะเล ตู้ปลาใหญ่อันนี้เห็นโดยทั่วไป ในอคาเรียม

ทุกอย่างเสร็จสิ้นคณะเรากลับเข้าเมือง ทานอาหารกันในเมือง ถ้าจำไม่ผิดในห้างข้างที่พัก ไม่ได้สำคัญอะไรเพราะเรื่องอาหารว่ากันเยอะแล้ว

ไฮไลท์ของวันคือช่วงที่ไกด์ปอ กลับที่พักทำหน้าที่ประจำวันเสร็จสิ้น ผมก็ออกเดินกลับหลานพลอย กันอีกรอบ หน้าโรงแรมเขาจัดงานปีใหม่เป็นปาร์คเล็กๆ ผมบอกหลานไม่เดินแบบเมื่อวานแล้ว ดื่มเบียร์แล้วหาห้องน้ำยาก ปักหลักอยู่ปาร์คหน้าโรงแรม แถวๆ นั้นที่มีแผงขายอาหาร เครื่องดื่ม แบบยาไต (ร้านรถเข็น) เยอะแต่วันนี้ไม่มี เหมือนหยุดกันหมด แต่ที่เสียดายถามทางโรงแรม เขาบอกว่าจะไม่มีการจุดพลุ ปีนี้รัฐบาลห้ามไว้ กิจกรรมก็เอาแบบง่ายๆ ร่วมฟังดนตรีในลานกิจกรรม ที่สำคัญมีห้องน้ำบริการ

ในปาร์คสถานที่จัดงาน มีของกินของขายเยอะ โดยเฉพาะเครื่องดื่ม ของกินง่ายๆ เพียบเป็นแบบ ฟู้ดทรัค (Food Truck) คนญี่ปุ่น ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าดื่มเก่ง ทำงานหนักตรงเวลา เวลาพักต้องพักจริง

บรรยายสุดอึ้งคือ ฝนตกสลับหยุด เกือบเที่ยงคืนไม่มีใครถอย ผมเองไม่ได้เอาร่มออกมาด้วยจากห้องพัก ก็อาศัยเสื้อกันหนาวคลุมหัว พอฝนหยุดเสื้อผ้าก็เริ่มแห้ง พอแห้งก็ตกอีก นั่งดื่มกันเปียกๆ แบบนั้น ค่อยขึ้นห้องพักเพราะไม่ได้เดินไกล อยู่สู้กับงานจนผู้คนเริ่มซา ก็เลิกลาตามไปด้วย ยังมีคิวเที่ยวต่ออีก 1 วันๆ สุดท้าย เป็นการฉลองปีใหม่ ที่อยู่ในความทรงจำอย่างดี

บันทึกไว้ 2 ธันวาคม 2568

สาม สอเสือ