29 ธันวาคม 2559

เช่ามอเตอร์ไซค

เช้าวันที่ 2 ผมตัดสินใจเช่ามอเตอร์ไซค์ ขับเพราะเคยมาหลวงพระบางแล้วในอดีต เดินไม่ไหวเดินไม่ทั่ว จนนึกว่าหลวงพระบางมีแต่ส่วนเมืองมรดกโลก มารู้ครั้งนี้รอบนอกก็มีชาวบ้าน อาศัยอยู่เหมือนชุมชนทั่วไป เป็นอำเภอหนึ่งกว้างพอสมควร

ครั้นจะใช้แต่รถโรงแรม หรือจะเรียกรถยนต์รับจ้างก็ไม่สะดวกแล้วก็บอกไม่ถูกด้วยว่าจะไปไหน อีกอย่างผมกลัวแพงประเด็นหลัก กลัวเสียความรู้สึกถ้าถูกโขกราคา แล้วผมก็ชอบตะเวณไปเรื่อยๆ ไม่จำกัดว่าจะไปไหน การใช้บริการว่าจ้างรถก็คงไม่สะดวก หรือจะใช้รถโรงแรมถึงแม้ว่าจะฟรี แต่ก็ต้องรอแขกโรงแรมผู้อื่นที่ต้องเดินทางไปพร้อมกัน จะเรียกใช้เดี่ยวมันก็ยังไงอยู่ ถึงแม้ผมจะทริปทีละร้อยบาท

อีกอย่างผมเกรงใจคนขับรถ และแขกคนอื่นๆ ด้วยความเป็นคนที่ไม่ค่อยอยู่นิ่ง หรือให้นั่งรอแบบสโลว์ไลฟ์ไปวันๆ ผมกลัวหายใจทิ้งไปเฉยๆ

ตอนเช้ารถโรงแรมพาผมไปร้านเช่ามอเตอร์ไซต์ อยู่ในเมืองก่อนออกก็มีแขกโรงแรมคนไทยที่มาเป็นครอบครัว พ่อแม่ลูกเขาก็เช่าเหมือนกัน ถามราคาเขาก็พอรู้งบประมาณ ในฐานะนักบัญชี ก็เลยตัดสินใจได้ไม่ยาก (ไม่เห็นเกี่ยว)

ผมตัดสินใจว่าจะเลือกคันไม่ใหญ่มาก เพราะไม่ได้เก่งแว้นกลัวล้มเหมือนกัน ระหว่างที่เช่าก็มีกลุ่มคนไทยไปเช่า เป็นการเช่ารถบิ๊กไบค์ เห็นว่าจะขับไกลผมเอารอบๆ เมืองพอ ไม่สามารถกลัวตายนอกเมือง เพราะเราไม่ได้ไปเป็นกลุ่มผมไปกับแฟน 2 คน

มอเตอร์ไซค์ มีหลายแบบให้เลือกหลายราคา เวฟมีเกียร์ 100,000 กีบ สกู้ปปี้ไอ 120,000 กีบ คลิก 140,000 กีบ ก็เลยตัดสินใจเอาคลิก เพราะดูว่าจะมีกำลังพอสมควร สำหรับการขับขี่ 2 คน อีกอย่างผมมีกระเป๋ากล้องใบโตสามารถวางเท้าคนขับได้ ผมเช่า 3 วัน รวมแล้ว 420,000 กีบคิดเป็นเงินไทยน่าจะประมาณ 1,800 บาท 3 วัน อัตราแลกเปลี่ยนขณะนั้นมีทั้ง 1 บาทต่อ 223 กีบ จนถึง 230 กีบแล้วแต่ละแลกที่ไหน

จุดเริ่มต้นของการเช่า ผมไปตลาดสดตลาดขายของ แบบชาวบ้านก่อนเลยชอบโดยส่วนตัว ผมชอบเดินตลาดสดอยากรู้ว่าชาวบ้านเขากินอะไร ขายอะไรตลาดต้องไม่ใช่ตลาดนักท่องเที่ยวนะครับคนละบรรยากาศ

ถ้าเป็นตลาดนักท่องเที่ยว เราจะเจอแต่ของที่ระลึกของกินแบบทำสำเร็จ ราคาสูง ผมไปตลาดชาวบ้าน ชื่อตลาดพูสี ยังได้หนังสือแบบเรียนภาษาลาว และดิกชันนารี่ลาว-อังกฤษ ติดไม้ติดมือกลับกรุงเทพ

ในตลาดนั้นขายของแบบตลาดสดเมืองไทย มีขายทุกอย่าง ของสด ของแห้ง เสื้อผ้า โทรศัพท์ ประมาณซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ ตลาดนี้เป็นทางกลับโรงแรมที่พักพอดี แล้วเป็นตลาดใหญ่มาก เสียค่าจอดมอเตอร์ไซค์ 2,000 กีบ ผมเข้าไปเดิน นอกจากได้หนังสือลาวมาแล้ว ยังได้หนังควายแบบลอกขนออกหมดแล้ว ว่าจะเอากลับกรุงเทพไม่รู้ทำอะไรกิน แต่แม่ค้าบอกให้เอาไปทอดโดยเอาไปล้างก่อน ผึ่งให้แห้งแล้วเอาไปทอด ตอนนั้นนึกว่าประมาณแคปหมูกรอบๆ (มาลองทำครับทอดแล้วเคี้ยวไม่ได้แข็งมากถ้าเขวี้ยงใส่มีแตก ต้องเอามาต้มนานๆ มันจะเหนียวเหมือนกินเอ็น)

หลังจากตะเวณตลาด ผมก็ขับรถวนเล่นไปเรื่อยค่อยๆ จับทิศทางในเมือง จะหาบรรยากาศให้เหมือนที่มาครั้งแรก

ว่าจะหาเบียร์ลาวดื่มซักขวดเล็กริมโขง จุดที่เคยมานั่งชิลๆ แม่ค้าขายเครื่องเงินข้างร้านขายของที่เคยไปนั่งดื่ม น่ารักไม่เบาในอดีตยังจำภาพได้ แต่บรรยากาศเปลี่ยนไปหมดแล้วหาร้านไม่เจอเปลี่ยนไปตามความเจริญของชุมชน ถึงแม้ว่าเมืองเขาจะห้ามดัดแปลงแต่คนอยู่ในนั้นก็คงเปลี่ยนแปลงไปเอง ถนนเลียบริมโขงมีร้านตั้งอยู่เยอะ มีหลายแบบผมตัดสินใจไม่แวะ ไปกินร้านอาหารใกล้ๆ แต่ไม่ใช่จุดท่องเที่ยว

เป็นร้านขายกาแฟลาว เฝอ หมี่เหลือง เมืองไทยเรียกบะหมี่แต่รสชาติไม่ค่อยถูกปาก ผมสั่งกาแฟลาวมาด้วยก็เหมือนกาแฟโบราณในไทยแหละครับ ราคาสูงพอสมควรตามสไตล์ร้านอาหารสำหรับนักท่องเที่ยว ส่วนหมี่เหลืองผมอาศัย เอาพริกสดจิ้มกระปิเป็นของแนม เข้าปากพอได้เผ็ด

หลังจากจัดการอาหารเข้าท้องเรียบร้อย ก็ตะเวณต่อหาปั๊มน้ำมันเติมมอเตอร์ไซค์ให้เต็มถัง จะได้ไม่ต้องคาดเดาว่าจะไปไหน กลัวน้ำมันหมด แล้วไม่รู้จะไปหาปั๊มที่ไหนเวลารีบหรือจวนตัว

ผมกลับมาริมโขงอีกครั้งเข้าเที่ยววัดเชียงของ มั้งถ้าอ่านไม่ ผิดค่าเข้า 20,000 กีบประมาณ 80 บาทต่อคน วัดที่นี่ในอดีตเก็บค่าเข้าหมดทุกวัดครับ แต่ปัจจุบันไม่ค่อยเก็บแล้วนักท่องเที่ยวคงไม่เที่ยว วัดไม่ใช่ที่เก็บเงินให้คนมาหยอดตู้ดีกว่าเหมือนเมืองไทย ผมเข้าไปในบริเวณวัดก็ถ่ายภาพวัดสวยๆ ผมไม่ได้อ่านประวัตินะครับวัดที่นี่เหมือนที่ไหน คงเหมือนทางเหนือของไทย โบสถ์มียอดแหลมๆ ประดับไปด้วยสีทอง สีแดง

ถ่ายภาพจนคิดว่าพอแล้วมุมถ่ายก็ไม่ได้เยอะมากมาย ผมขับมอเตอร์ไซค์มาวิ่งถนนเส้นกลาง คือ ให้นึกภาพถนนในเมืองหลวงพระบาง จะแบ่งเป็น 3 เส้น เส้นเลียบแม่น้ำโขง เส้นกลาง และเส้นเลียบแม่น้ำคาน โดยเส้นกลางจะเป็นร้านอาหารสไตล์ยุโรปเยอะ และร้านแต่งสไตล์วินเทจโบราณสวยๆ กระนาบไปด้วยวัดเต็มไปหมด ผมเลือกร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศส สารภาพไม่ได้จะมานั่งชิลๆ ผมจะมาเข้าห้องน้ำเพราะไม่รู้จะไปเข้าที่ไหน

อีกอย่างมานั่งรอตลาดกลางคืนเปิดเวลาน่าจะประมาณ 5 โมงเย็นก็จะตั้งร้านเต็มถนน คล้ายตลาดถนนคนเดินเหมือนในเมืองไทย

การมาครั้งนี้ ผมแค่เดินเที่ยวยังไม่ซื้อนะครับ เพราะยังมีเวลาอีกหลายวัน โดยส่วนใหญ่น่าจะเป็นของฝาก สำหรับนักท่องเที่ยว

เราเดินจนสุดถนนแล้วก็เดินกลับมาเอามอเตอร์ไซค์กลับโรงแรม ที่อยู่นอกเมือง ก่อนเข้าโรงแรมผมแวะซื้อเบียร์ลาวกลับห้องพัก เป็นร้านค้าริมทาง เบียร์ลาว 2 ขวด โค้ก ขวดเพ็ทเล็ก 2 ขวด 35,000 กีบ ก็ไม่แพง

ผมว่าวันนี้ผมตะเวณรถคุ้มนะไม่ต้องไปไกลมาก ว่าพรุ่งนี้จะมาเข้าเมือง เช้าแต่ไม่รู้ว่าโปรแกรมจะเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า อยู่ที่ความเหนื่อย และตื่น

เพราะวันนี้ผู้จัดการโรงแรมนัดกับผมไว้จะขอเลี้ยงข้าวซักมื้อ ผมเอาเบียร์เก็บเข้าตู้เย็น หยิบเหล้าบาเลนไทน์ ที่เหน็บมาจากเมืองไทย เอามาร่วมโต๊ะด้วยพี่เขาเลี้ยงข้าว ผมเลี้ยงเหล้า

เข้ากันได้

ได้บรรยากาศเมาๆ

สวัสดี

สาม สอเสือ