1 มกราคม 2560

ถูกทิ้งซะงั้น

ก่อนอื่นสวัสดีใหม่ทุกท่าน ถึงแม้ว่าจะเขียนบนอินเตอร์เน็ตย้อนหลัง แต่วันบันทึกด้วยลายมือบนหน้ากระดาษ เป็นวันขึ้นปีใหม่ ปีไก่ กุ๊กๆ

ก่อนจะย่างเข้าวันที่ 1 ผมได้คุยกับคนขับรถของรีสอร์ท เขาบอกว่าพี่ชายเขาเป็นตำรวจ แต่หารายได้เพิ่ม ด้วยการพานักท่องเที่ยวไปเที่ยวด้วยรถของเขาเอง

ผมก็บอกเอาดิ วันที่ 1 มารับได้เลย ก็นัดแนะเวลากันไว้ 9 โมงครึ่ง ผมจะข้ามเรือไปหา กำหนดเช่ามอเตอร์ไซค์ ต้องคืนวันที่ 1 เช่นเดียวกัน เวลาประมาณ 11 โมงครึ่ง ผมตื่นไม่เช้ามากและลงไปกินอาหารเช้า ที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ ก็ประมาณ 9 โมง

หยิบโทรศัพท์โทรไปหาคนขับรถว่ากำลังกินอาหารอยู่ คาดว่าทัน 9 โมงครึ่ง คือเตรียมคำพูดไว้หมดแล้วโทรไปไม่มีใครรับ โทรไป 3 ถึง 4 รอบ

เอาวะ! เดี๋ยวข้ามเรือไปคงเจอกัน 9 โมงกว่าๆ ผมโทรไปอีกก็ไม่รับ 2-3 ครั้ง แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก เพราะนัดกันแล้ว ข้ามแม่น้ำไปคงเจอกัน

เสร็จสรรพก็เตรียมตัวออก พอถึงอีกฝั่งเอาเฮ้ยไม่มีรถตามที่นัดไว้ คนขับรถก็ไม่อยู่แม่งเมาแหง ปีใหม่เอาไงหล่ะทีนี้

ไม่มีรถก็ไม่มีรถ ผมพูดอย่างหัวเสีย ตัดสินใจขับมอเตอร์ไซค์เข้าเมืองเพื่อขอเช่าต่ออีก 1 วัน บอกเหตุผลร้านเขาเพราะเขาก็เปิดมาเพื่อรับรถคืนอย่างเดียว เตรียมปิดฉลองปีใหม่เหมือนกันมั้ง

ผมได้มอเตอร์ไซค์คืนจ่ายค่าเช่าอีก 1 วัน เอาไงต่อฝนก็ตกพรำๆ แต่เช้าขับแหวกฝนไปไหนต่อไหนไปเรื่อยๆ ค่อยว่ากันใหม่จะพบเจออะไร ผมขับออกทางอ้อมเมือง ผ่านสะพานเหล็กมีไม้วางพาดบนสะพานเป็นทางยาวขนาดไม้แผ่น 6 นิ้ววางเรียงกัน 4 แผ่นไม่ใหญ่มากเหมือนเวลาไปสอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ในกรุงเทพ ที่ผมเคยเจอ ใครขับตกไม้จะสอบไม่ผ่าน

ทางเป็นไม้กระดานพาดยาวอยู่บนสะพานเหล็กอีกที 2 ฝั่ง ให้มอเตอร์ไซค์ขับผ่านคนละข้าง ไปกลับหัวสะพาน มีเหล็กกั้นห้ามรถใหญ่ใช้ ขับผ่านมาเสร็จก็ถือโอกาสถ่ายภาพไว้ดูเดี๋ยวค่อยไปถามคนที่รู้มันคือสะพานอะไร ขับมาได้ซักพักก็เป็นทางลูกรัง ตอนนั้นถนนเปียกแฉะไปหมด ผมขับไปเรื่อยๆ ไม่รู้ไปไหนแต่อยากรู้ว่าเขาทำอะไรกัน บ้านข้างทางไม่ถือว่าใหม่ หรือเก่า บ้านเป็นเรือนไม้เป็นแถว คล้ายอาคารพาณิชย์ในเมืองไทย เห็นมีการก่อสร้างอาคารอยู่ใหญ่พอสมควรไม่รู้คืออะไรดูท่าน่าจะเป็นศูนย์การค้า เส้นทางนี้มารู้ที่หลังว่าสามารถเดินทางไปสนามบินหลวงพระบางได้

เล่าย้อนหลังเรื่องสะพานเหล็ก ลักษณะเก่าแก่พอสมควร มาถามผู้จัดการรีสอร์ท ได้ความว่าเป็นสะพานเหล็กเก่า สร้างสมัยฝรั่งเศสยึดลาวทางการเห็นว่าไม่แข็งแรง เลยห้ามรถใหญ่ใช้ เป็นที่มาของสะพานที่ให้มอเตอร์ไซค์ข้ามได้อย่างเดียว ถ้าเป็นเมืองไทยผมว่าทุบสร้างใหม่ให้แข็งแรงไปแล้ว ให้รถใหญ่วิ่งได้ เพราะหัวสะพานทั้ง 2 ด้านเป็นถนนราดยาง 2 เลน

ผมขับมอเตอร์ไซค์ไปได้พอสมควรแต่สภาพถนนไม่น่าขับเป็นลูกรัง และรถเช่าไม่ค่อยมั่นใจเรื่องยาง กลัวล้มบาดเจ็บในต่างแดน คยมีประสบการณ์ที่เกาะเสม็ด มอเตอร์ไซค์ล้มทางลงเขา ด้วยสภาพยางเอาไม่อยู่แผลเป็นยังไม่หายทั้งขาทั้งแขน

ขับมาได้ซักพักฝนตกเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ตอนนั้นไม่รู้จะแวะพักไหนดีที่มีชายคาพอหลบฝน เหลือบเห็นปั้มน้ำมัน เข้า่หลบฝนรอฝนซาค่อยขับกลับเข้าเมืองดีกว่ากลัวตาย เขาเล่าเรื่องโรงพยาบาลที่นี่แล้วไม่อยากเสี่ยง ถึงแม้จะมีประกันอุบัติเหตุ ประกันชีวิตก็ไม่ค่อยมั่นใจ

วนกลับเข้าเมือง ฝนตกแบบนี้คงทั้งวันไม่ได้ไปไหนแน่ เลยแวะซื้อเสื้อกันฝนประมาณร้อยกว่าบาทจำไม่ได้ว่ากี่กีบ พอใส่เสื้อกันฝน ฝนเทลงมาอย่างหนัก แต่ไม่สนแล้วไปต่อเข้าเมืองกลับที่พัก ทางผ่านแวะตลาดฟูสีที่นี่เขียน โพสี ซื้อของฝาก เริ่มต้นด้วยการซื้อเสื้อผู้หญิงเป็นทรงชาวลาวมีผ้าซิ่นไปฝากเด็กๆ ฝากผู้เฒ่า ผู้ใหญ่ 2 ตัวเด็ก 3 ชุดรวม 450,000 กีบ

เงินไม่พอก็มีร้านแลกเงินแถวอยู่ในตลาด ร้านขายเสื้อเขาขอเงินกีบ เพราะตีเป็นเงินไทยไม่ถูกเหมือนกันว่าจะกี่บาทดี ร้านแลกเงินที่หลวงพระบาง มีหลายแบบนะครับได้ราคาไม่เท่ากัน ถ้าสนามบินได้ 223 กีบต่อ 1 บาท ตลาดท่องเที่ยว มีทั้ง 233 และ 230 กีบ แต่ตลาดพูสีผมแลกได้ 235 กีบต่อบาท ผมแลกไป 2 พันบาท

450,000 กีบก็เกือบ 2 พันบาทซื้อเสร็จก็กลับเข้ารีสอร์ทไปกินส้มตำปลาร้าด้านนอกไม่มีขาย มีแต่เฝอ กับปิ้งย่างทั้งเมือง

ที่หลวงพระบางในเมืองจะหากินอาหารอีสาน อาหารเหนือไม่ได้เลย หรือผมหาไม่เจอก็ไม่รู้ ขนาดใช้มอเตอร์ไซค์แว้นไปทั่วเมือง เห็นแต่ปิ้งย่างด้วยเตาถ่านผมไม่รู้เขาใช้เตาแก๊สเหมือนเมืองไทยหรือเปล่า เพราะไม่เห็นซักร้าน

แล้ววันนี้หลวงพระบางเมืองท่องเที่ยว ร้านอาหารปิดมากกว่าเปิดผมก็งง เมืองท่องเที่ยวทำไมไม่หาเงินกันช่วงนี้ มึงหยุดกูหยุด เออ เห็นแล้วก็ขำมีแต่ร้านขายอาหารยุโรปขายบ้าง แต่ผมกินไม่ค่อยลงครับมันเลี่ยนๆ

ตอนเย็นผมออกไปอีกรอบหลังจากเข้าพักที่รีสอร์ท เพื่อหาซื้อขอฝากกับกรุงเทพอีกครั้ง กะเกณฑ์ไว้จะเข้าตลาดมืด ก็คือไนท์บาร์ซ่าบ้านเรา นั่งเรือข้ามฝั่ง ถึงอีกฝั่งแม่น้ำผมเจอคนขับรถที่นัดแนะกันเมื่อวาน ถามทำไมไม่มีรถมารับโทรหาหลายครั้งก็ไม่มีใครรับ

เขาบอกพี่โทรหาเหรอ

แม่งเอ๊ย โทรศัพท์โทรหามันมีบันทึกอยู่ว่าโทรหรือไม่

ผมก็โกรธแต่ไม่รู้ทำยังไง ก็เลยบอกว่าไม่เป็นไร คืออยากจะบอกช่างแม่ง ผมเข้าเมืองอีกครั้งด้วยมอเตอร์ไซค์คันเดิม คือคุณเสียคำพูดผมก็ยังมีทางไปของผม ก่อนออกไปผมถามพรุ่งนี้ผมไปคืนมอเตอร์ไซค์จะนั่งรถโรงแรมกลับตรงไหน เขาก็บอกสถานที่ บอกตามตรงคุยด้วยความเซ็ง

คนเมืองนี้เขาทำงานกันเหมือนที่ พี่ตุ๋ย ผจก.รีสอร์ท บอกผมเขาด่าลูกน้องเขาหลายคน ซึ่งเป็นคนท้องถิ่นหลวงพระบาง ค้าขายไม่เป็น ทำงานไม่เป็น คิดไม่ได้ อยากสบาย อยากรวย เออมันเป็นแบบนี้จริงๆ

พี่เขาบอกไม่เหมือนกับคนเวียงจันทร์ ที่นั่นขยันขันแข็งบางคนเก่งหัวก้าวหน้า โรงแรมที่นั่นก็เลยไม่ค่อยห่วง

ลาก่อนวันถูกทิ้ง

สาม สอเสือ