19 ธันวาคม 2560

เที่ยวปีนัง จอร์จทาวน์ ตอน 4 สะพานปีนัง 2 สวย อยากมีบ้าง 26 ตุลาคม 2560

เช้าวันที่ 3 มีนัดพรรคพวกเขาอยากให้ผมไปขับรถเที่ยวสะพานปีนัง แห่งที่ 2 ผมเองก็ไม่ได้อ่านข้อมูลนะครับขณะไปขับเที่ยว เพิ่งจะมาค้นให้อินเตอร์เน็ตขณะเขียน แต่ตลอดเวลาที่อยู่ปีนังก็เห็นบ่อยๆ สวยครับมันยาวมาก ผมว่าน่าจะเป็นความภูมิใจของชาวปีนัง

ในไทยเคยมีรัฐบาลหนึ่งคิดจะแก้ปัญหาการจราจร เส้นถนนพระราม 2 ทางลงใต้เพราะมันติดหนักมาก และทำให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ถ้าจำไม่ผิดสะพานจะเริ่มต้นจากสมุทรสงคราม ไปถึงเพชรบุรี ตอนนั้น NGO ค้านกันแหลก ถามใจผมเองผมอยากได้มั้ยอยากได้นะ แต่มีข้อมูลอีกฝั่งบอกว่ากระทบสิ่งแวดล้อม เอาเป็นว่าในเมืองไทยสร้างอะไรก็ไม่ได้ค้านกันแหลกข้อหากระทบสิ่งแวดล้อม พอแระไม่อยากเขียนเรื่องนี้มาก ของขึ้นเดี๋ยวกลายเป็นเรื่องการเมือง

สะพานปีนังแห่ง 2 มีความยาวถึง 24 กิโลเมตร ข้ามจากเกาะปีนัง ไป เมืองบาตูกาวัน สามารถไปเมืองบัตเตอร์เวอร์ธ ต่อไปหาดใหญ่ ประเทศไทย ได้ขณะที่เขียนความยาวเป็นอันดับเท่าไหร่ของโลกไม่ทราบแต่เชื่อว่าระดับต้นๆ ของโลก แต่เป็นอันดับ 1 เอเชียตะวันออกเฉียงใต้แน่นอน พรรคพวกได้โทรนัดกันให้ผมไปรอที่ห้างควีนเบย์ มอลล์ ที่เคยไปนั่งกินอาหารจีนในวันแรก เพราะอยู่นอกเมืองใกล้ๆ กับทางขึ้นสะพานปีนัง แห่งที่ 2 แหล่งที่พักหรูบนเกาะปีนัง

ผมผ่านมาบน จาลันเวลส์ (จาลันภาษามาเลย์ก็คือถนน) เป็นถนนเลียบชายทะเล เป็นที่ตั้งของห้างควีนเบย์ มอลล์ ทีแรกกะว่าจะจอดบนถนนหน้าห้าง เพราะเห็นรถหลายคันจอดอยู่เปิดไฟกระพริบ ตัดสินใจไม่เอาดีกว่าเพราะมีป้ายห้ามหยุดเยอะไปหมด เลยตัดสินใจกลับรถมาฝั่งตรงข้ามเป็นลานจอดรถ แต่ยังสภาพเป็นดินลูกรังอยู่ไม่ได้เทปูนแบบเรียบร้อย มีตู้กดบัตรจอดรถ แล้วก็ตั้งตู้ไว้จ่ายเงินค่าจอดรถเวลาออกอยู่บริเวณที่จอดรถ

หลังจากจอดรถผมมาเดินฟุตบาธริมถนนตรงข้างหน้าห้าง เดินมาลุ้นว่าตำรวจจราจรจะยกรถมั้ยตามที่เล่าลือว่าค่อนข้างเข้ม เป็นไปตามคาดรถยกของตำรวจมาจริง ยกไปหลายคันแต่ผมอยู่ไกลไม่รู้ว่ามีการแจกใบสั่งมั้ย สำหรับพวกที่จอดแต่ยังนั่งอยู่ในรถ เปิดไฟกระพริบ

พรรคพวกโทรมาหาใกล้ถึงแล้วให้ผมขับรถออกมาจากลานจอดได้เลย ให้พอดีกันจะได้ไม่ต้องจอดรอบนถนน เพราะกลัวตำรวจเหมือนกัน เขาให้ภรรยาซึ่งเป็นคนไทย ชื่อน้องเลี้ยง เป็นชาวศรีสะเกษ มานั่งรถผมแล้ว ไบรอัน ขับนำแถมยังซื้อบัตรขึ้นสะพานฝากมาให้ด้วย เป็นบัตรทางด่วนเติมเงิน ที่นี่แทบไม่ได้ใช้คนเก็บเงินทุกอย่างใช้ระบบอัตโนมัติทั้งหมด ใช้สแกนบัตรระบบก็จะตัดเงินในบัตร ผมเองไม่รู้ว่าเท่าไหร่ไม่ได้ศึกษา รู้แต่ตอนข้ามจากปีนังไปไม่เสียเงิน มาเสียเงินตอนกลับ

อยู่ในเมืองไทยผมเองขับรถค่อนข้างเร็ว บนสะพานที่ผมเห็นเขากำหนดความเร็วไว้ไม่เกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง ไปอ่านในอินเตอร์เน็ตขณะเขียนเห็นบอกว่า 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ผมว่าไม่ใช่นะเพราะผมเห็นป้ายบอกอยู่ ก็พยายามรักษาระดับความเร็ว แต่ก็มีเวลาแซงก็ขึ้นไป 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง คือไม่รู้จะทำยังไง เพราะที่นี่เขาว่ากล้องจับภาพเต็มไปหมด โดนก็โดนอย่างดีก็ใบสั่งไปที่รถเช่าเขาก็หักเงินประกันไว้เวลาคืนรถแล้วกัน

การขับรถขึ้นสะพานปีนังเป็นความรู้สึกแปลกใหม่สวยครับ มองไปรอบๆ เป็นทะเลกว้างๆ ยิ่งอากาศสดใสสดชื่นบอกไม่ถูก แล้วก็ใช้เวลาวิ่งนานพอสมควรถ้าขับไม่รีบเร่งมาก ผมอยากให้มีแบบนี้ในเมืองไทยเหมือนกันโดยเฉพาะโครงการเดิมแหลมผักเบี้ย

ขับไปจนสุดสะพานเราแวะห้างเปิดใหม่ ที่เมืองบาตูกาวัน จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร เป็นช็อปหลายๆร้าน เนื้อที่เยอะมาก อีเกีย ก็จะมาลงที่นี่อาจจะมีหลายห้างตามมา ได้โอกาสซื้อแว่นตาเพื่อมาทำแว่นสายตา รู้มานานแล้วแว่นที่มาเลเซียจะถูกกว่าไทย เคยซื้อเรย์แบนด์มาครั้งหนึ่งก็ถูกกว่าไทยเยอะ ไม่รู้ว่าทำไมหรือเป็นเพราะภาษีเราแพงกว่า

รอบนี้ได้กางเกงขายาวยี่ห้อดัง ที่มีกระเป๋าข้างขาเหมือนกางเกงลุยป่า ในเมืองไทยหาซื้อยากมากช่วงหลัง เคยถามหลายแห่งเขาบอกว่าเลิกนำเข้ามาขาย และก็ไม่ผลิต เดี๋ยวนี้เจอแต่กางเกงทรงแปลก ปลายขาลีบ ตรงโคนขาพองอย่างกับกางเกงขี่ม้า ผมไม่ชอบใส่ มันทำให้ผมมองตัวเองตลกไม่มั่นใจ

กางเกงราคาไม่แพงตัวละ 2 พันซื้อ 1 แถม 1 โปรโมชั่น ก่อนวันที่จะเขียนบทความนี้ผมไปเดินเซ็นทรัลลาดพร้าว เพิ่งเริ่มนำมาขายโอ้แม่เจ้ายี่ห้อเดียวกันผ้าบางกว่า ตัวละ 5,500 บาท แพงเกิน ยังนึกเสียดายน่าจะขนมาซักครึ่งโหล

ก่อนกลับเราแวะกินข้าวกันก่อน เพราะบ่ายแก่ๆ มากๆ พากันหิวไปหมด แวะฟู้ดเซ็นเตอร์ ภายในห้างถามผมว่ามีอะไรกินมั้ย ก็เหมือนเดิมเล็งไปเรื่อยๆ ในคณะผมกินคล้ายผัดไทย ละม้ายผัดซีอิ๊วไม่รู้เรียกอะไรเห็นว่าเป็นอาหารดังของที่นี่ แต่ผมเลือกก๊วยเตี๋ยวน้ำลูกชิ้น หยิบลูกชิ้นเองแล้วค่อยคิดราคา ไม่อร่อยครับแค่พอแก้หิว

กินเสร็จก็กลับข้ามมาฝั่ง ปีนัง ยังเหลือการเที่ยวปีนังฮิลล์ ช่วงเย็นเอาไว้ต่อบทหน้านะครับ
สาม สอเสือ