นที่ 19 เมษายน 2561


เที่ยวปีนัง จอร์จทาวน์ ตอน 6 สตรีทอาร์ท ตึกคอมต้า 27-28 กุมภาพันธ์ 2560

 

เที่ยววันสุดท้ายกับ ปีนัง จอร์จทาวน์ วันนี้มีนัดกันจริง ๆ เขาว่าประมาณ 12.30 น. แต่ให้ผมนั่งรอโรงแรมคงไม่ใช่ อย่างน้อยก็มีรถผมก็ขับตะเวณก่อนถึงเวลานัดก็ได้ ผมเริ่มต้น 10.00 น. เพราะเวลานัดถูกเลื่อนไป 13.30 น. ไปกินอาหารที่ห้างเกอร์นี่ พารากอน อยู่ใกล้กับตลาดโต้รุ่ง ไม่ได้เน้นอะไรเป็นพิเศษไปเดินเล่นแล้วกินแก้หิว

หลังจากกินเสร็จ ตัดสินไปต่อที่ สตรีทอาร์ท ย่านไชน่าทาวน์ สังเกตุรถหลายคันใช้บัตรขูดจอดรถ ที่ซื้อตามร้านสะดวกซื้อซึ่งผมก็มีพรรคพวกให้มา ผมขูดไป 1 ชั่วโมงเพราะขับตะเวณดูก่อนแล้วไม่ได้กว้างมากนัก

ในสตรีทอาร์ตก็คือ ศิลปะ Grafity ที่พ่นสีไปบนกำแพงบ้าน แต่ที่นี่เขาคงอนุญาตเลยพ่นกันเต็มที่ ทุกคนก็อยากโชว์ฝีมือไม่ต้องหลบซ่อนเหมือนในไทย แล้วก็มีศิลปะเหล็กดัด แปะไว้ในกำแพง ก็อาร์ทๆ สวยๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพ เพราะสภาพที่นั่นเป็นเมืองเก่า บ้านเก่า สมัยอังกฤษ ที่ถูกอนุรักษ์ไว้ก็เลยเป็นภาพแปลกตา เก่าผสมใหม่ โดยเฉพาะประตู หน้าต่างเป็นไม้ โดยส่วนใหญ่ตามแบบฉบับบ้านเก่า

พวกเราเดินอยู่ไม่นานก็ไม่ได้สวยมากและก็ไม่ได้กว้าง ไม่ถึงขนาดที่จะต้องสละเวลา หรือถ้าไม่มีเวลาพอก็ไม่เป็นไร

ขับรถตะเวณไปทั่วเมือง รอเวลา ก็เลยกลับไปรอที่โรงแรมอีกครั้งรอจน บ่ายสามครึ่ง เวลานัดถูกเลื่อน เพราะเวลาพรรคพวกติดงานจริงๆ ก็เกรงใจเขาเพราะต้องมาเสียเวลาให้กับพวกผม ผมเลยตัดสินใจออกจากโรงแรมไปตึกคอมต้าเอง อยู่กลางเมือง ให้เขาส่งชื่อมา ผมจะหาทางผ่าน GPS เอง

ผมจับ GPS ออกเดินทางเลย ถึงเวลา 16.00 น. เป็นตึกสูงมากๆ สร้างใหม่กลางเมือง เมืองที่มีโครงสร้างพื้นฐานพร้อม อินเตอร์เน็ตใช้งานไม่สะดุดผมวนหาที่จอดรถได้ไม่ยากนัก เพราะเขาใช้ภาษาอังกฤษ (บทต่อไปเดี๋ยวจะเล่าไปปากเซ ลาวใต้)

หลังจากเข้าตึกคอมต้า ชั้นแรกก็แสดงจูลาสสิค รีเสิร์ตเซ็นเตอร์ มีจอ LED พาดอยู่บนเพดานยาว นอกนั้นก็มีโชว์หุ่นซุเปอร์ฮีโร่ ให้ถ่ายภาพกัน พรรคพวกก็มาสมทบจนครบ ด้วยความหิวก็ซื้อไก่ทอดกินกัน เหมือน KFC แต่คนขายพูดอังกฤษไม่ได้ น้องเลี้ยงพรรคพวกที่อยู่ที่นั่นก็ได้แต่ภาษาอังกฤษ ต้องอาศัยแฟนเขาพูดมาเลย์ ผมยังแปลกใจสถานที่ท่องเที่ยวแบบนี้คนขาย ถ้าไม่พูดภาษาอังกฤษแล้วนักท่องเที่ยวจะสั่งกันยังไง

หลังจากซื้อบัตรขึ้นดูวิวบนตึกคอมต้า เป็นบัตรรวมเครื่องเล่นต่างๆ บนตึก ผมเองลืมจดว่าราคาเท่าไหร่ น่าจะหลายร้อยบาทต่อคน พรรคพวกที่ปีนังบอกเขาขอออกบ้าง

พวกเราขึ้นลิฟท์ไปชั้นที่ 65 ที่ด้านหลังลิฟท์จะมีโปรเจคเตอร์ บรรยายการสร้างตึกมาได้อย่างไรโครงสร้างเป็นแบบไหน เพราะเขาสร้างกลางเมืองที่แออัดที่สุดแห่งหนึ่งในปีนัง

บนชั้นที่ 65 มีมุมเป็นพื้นกระจกที่เราสามารถถ่ายภาพได้ และก็มีบริการถ่ายภาพ มีปริ้นท์ใส่กรอบส่วนที่เหลืออีกหลายภาพ เราสามารถไปดาวน์โหลดมาเก็บได้ บอกด้วยใจจริงผมเดินเข้าบนกระจกขาสั่นพอสมควร ต้องเดินตามขอบกระจกที่มีเหล็กรองรับ เพราะมุมสูงมากตึก 65 ชั้น บางคนก็คลานเข้าไปเพราะเสียวเหมือนกัน

หลังจากทำกิจกรรมเสร็จ ก็ขึ้นลิฟท์ต่อไปชั้น 68 เป็นชั้นสูงสุดดาดฟ้า มองวิวกว้างเห็นทะเล สะพานข้ามทะเล 2 แห่ง อากาศเย็นๆ เพราะคนท้องถิ่นเขารู้ว่าควรขึ้นเวลานั้น

ใช้เวลาไม่นานเราก็ลงมาชั้น 65 อีกมุมหนึ่งเป็นมุมเครื่องเล่น ที่เราซื้อตั๋วมาแล้วเล่นได้ทุกอย่างเหมือนสวนสนุกในห้างในเมืองไทย ผมก็เล่นบ้างไม่เล่นบ้าง ปล่อยให้เด็กๆ เขาสนุกสนานไป

หลังจากนั้นเข้าไปดูโรงภาพยนตร์ 7 ดีจำลองนั่งบนรถเลื่อน เข้าไปในป่า มีทั้งลม ทั้งกลิ่น แถมเก้าอี้เขาออกแบบมามีบางเหตุการณ์มาดุนคอดุนหลังเบาๆ ให้เหมือนประสบของจริง เพื่อความตื่นเต้น

จุดสุดท้ายเข้าชม จูลาสสิค เป็นทางเดินคล้ายบ้านผีสิง แต่ผมไม่ได้เข้าไปเด็กป่วยหนึ่งคน เพราะต้องเจอทั้งร้อนทั้งเย็น ก็เลยมีเรื่องเล่าแค่นี้

วันสุดท้ายวันกลับ 28 กุมภาพันธ์ 2560 อาหารเช้าก็เซ็งไม่กินกันแล้วเบื่อๆ อาศัยตอนเที่ยงลงมาสั่งอาหารกันในห้องอาหารของโรงแรม พวกข้าวมันไก่ ผัดไท แต่ทุกอย่างไม่มีอะไรเผ็ด เราออกจากโรงแรม 12.00 น. ตลอดทางรถติดมาก เพราะมีการทำถนน แถมฝนตกหนักถือเป็นการส่งท้ายการท่องเที่ยวรอบนี้

ก็ถือว่าโชคดีระหว่างเที่ยวไม่มีฝนเลย

ตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่ปีนัง ผมใช้ Google Map ซึ่งใช้ได้ผลเป็นอย่างดีไปเที่ยวได้ทั่ว ไม่กลัวหลง อ่านป้ายจราจรเพราะเป็นสากลอยู่แล้ว ผมถือโทรศัพท์ 2 เครื่อง ของ True ผมโรมมิ่งไป ใช้ของ DIGI แต่ค่าโทรจะแพง ส่วนของ AIS ผมถอดซิมซื้อซิมท้องถิ่นไว้โทรซึ่งก็ไม่แพง

โหลดสัมภาระกลับค่อนข้างเยอะมีแต่ของฝาก โดยเฉพาะน้องเลี้ยงซื้อขนมเปี๊ยะเจ้าดังของปีนัง บอกให้มาฝากคนเมืองไทยด้วย

จบทริปการเดินทาง 5 วัน 4 คืน ถึงดอนเมืองเวลา 15.40 น.สวัสดี

สาม สอเสือ