วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564

ความกังวล

ด้วยความที่ทำงานทางด้านบัญชี เกี่ยวกับสำนักงานบัญชี เหตุการณ์หลายอย่างที่เข้ามาพูดคุย ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าการเมือง เศรษฐกิจ การทำงานค้าขาย กติกาบ้านเมือง และโรคระบาด ภาษี กฎหมายภาษี ทำให้หลายคนกังวลเครียด มีปัญหาเข้ามาปรึกษา มาพูดคุยกันเรื่อยมา โดยเฉพาะการระบาดโควิด-19 รอบแรก เล่นเอาเครียดกันไปหมดเพราะเราไม่รู้ว่ามันคืออะไร แก้ปัญหายังไง ถ้าติดโรคแล้วทำยังไง จะติดจากอะไร ระวังตัวเองพอหรือไม่

เรื่องปิดแมส เริ่มต้นหลายคนไม่เคยชินก็หายใจไม่ค่อยออก กาลเวลาผ่านไปผมว่าหลายคนค่อยๆ ชินการหายใจผ่านแมส ไม่ว่ากระดาษ หรือผ้า รวมถึงวัสดุอื่นๆ

ช่วงนั้นกระแสความกังวลโควิด-19 ต้องเรียกว่ารุนแรงมาก กลุ่มลูกค้าผมในฐานะสำนักงานบัญชี มีบ้างบางคนหยุดงานไปเลย เพราะมีพนักงานบางคนอยู่ในกลุ่มเสี่ยง แต่ก็ติดปัญหาเรื่องข้อกฎหมายที่ไม่ได้ถูกสั่งปิด การสั่งปิดเอง การเยียวจากภาครัฐจึงไม่เกิด การหยุดกิจการแบบนั้นจึงมีความเสี่ยงที่จะถูกฟ้องอย่างมาก พนักงานกว่า 10 คนผมบอกให้โทรไปตาม เราไม่สามารถหยุดงานได้ โดยไม่มีเหตุ ก็ถือว่าเรื่องลงเอยได้ดี เพราะพนักงานทั้งหมดปฎิเสธที่กลับเข้าทำงาน เนื่องจาก 1 ในพนักงานในนั้นมีญาติติดโควิด จึงทำให้กลัวไม่กล้ามาทำงาน การฟ้องร้องกรมแรงงานจึงไม่เกิด

มีกลุ่มให้พนักงานหยุดงานเช่นเดียวกัน เพราะมีลูกเล็กกลัวพนักงานพาโรคมาติดต่อ ซึ่งตอนนั้นก็งงๆ กันไป ผมเองก็ไม่รู้จะเห็นใจฝ่ายไหนเพราะเป็นโรคใหม่มาก อีกทั้งรัฐบาลก็ประโคมข่าวเพื่อให้คนกลัว ไม่รู้ว่าเกินจริงหรือไม่ แต่ก็ได้ผลเพราะคนกลัวกันมาก ทำให้เศรษฐกิจหยุดทันที

บางกลุ่มสินค้าจากจีน ของไม่เข้าไม่มีของขาย แต่พนักงานก็ยังอยู่เยอะ ด้วย ตัวพนักงานเองก็บอกว่าขอไม่รับเงินเดือน หรือรับเงินเดือนครึ่งเดือน เพื่อช่วยพยุงกิจการ เพราะเจ้าของยังต้องเสียเงินฟรีๆ ในการลงโฆษณาออนไลน์ โดยหวังว่าหมดโควิด สถานการณ์เบาลง มีสินค้าจากจีนเข้ามา จะได้ไม่ต้องเสียเงินปั่นโฆษณามาก แล้วแจ้งกับลูกน้องว่ายังพอมีเงินเก็บประคองเงินเดือนช่วยกันได้

เหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นเป็นช่วงของการระบาดรอบแรก มีเคสอีกเยอะมากที่โทรมาปรึกษาเอายังไงดี

ผมเองก็รู้เท่าที่รู้ แนะนำได้แค่ตามประสบการณ์ ถูกผิดต้องไปประเมินกันเองอีกแต่ละคน

ผลพวงจากระบาดรอบแรก จนมารอบสอง นี่เริ่มเห็นชัดขึ้น บางแห่งไม่ได้กลับมาเดินต่อ เพราะกระทบรุนแรง โดยเฉพาะพวกงานอีเว้นท์ พวกทำเอ็มวี ใครที่ยังมีกำลังทรัพย์ก็ขายบ้านมาประคองธุรกิจ ใครไม่มีก็ล้มหายไป

บางกลุ่มขอไปทำเองก็มีเกี่ยวกับงานบัญชี ผมเองก็ไม่ว่าอะไรเพราะต่างคนต่างมีความจำเป็น ต้องประหยัดเงินอยู่ประคองให้นานที่สุด

บอกตามตรงนะ ประเมินว่าสถานการณ์จะคลี่คลายเศรษฐกิจจะคลายตัวไป ก่อนเกิดสถานการณ์ โควิด-19 น่าจะปี 2566 ด้วยซ้ำไม่อยากมองโลกสวยมาก

ทำไมจึงมองรุนแรงและยาวนาน ผมเป็นคนมองอะไรลบเยอะๆ เพื่อหาวิธีแก้ไปเรื่อยๆ

นักวิเคราะห์หลายคนก็บอกกันประมาณนั้นช่วงเวลานี้

ผู้บริหารประเทศ ก็มีผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเช่นเดียวกัน

ความสำคัญอยู่ที่ความเชื่อมั่นและศรัทธา ของประชาชน

เราก็เห็นๆ กันอยู่ ว่าประชาชนมีความเชื่อมั่นแค่ไหน กติกาบ้านเมือง และการบังคับใช้กฎหมายที่เท่าเทียม ก็สะท้อนความเชื่อมั่นได้อย่างดี

ไม่อยากบ่นว่าเรื่องอะไรบ้าง มองไปรอบๆ ตัวดูข่าวสารกันบ้าง หยุดอ่านเรื่องชาวบ้าน ผีสางนางไม้ หวย

แล้วมองให้ทะลุถึงปัญหา เราจะเห็นเรื่องใหญ่ที่สุดคือ กติกาบ้านเมือง ที่ทำให้เศรษฐกิจเซ ความเชื่อมั่นทรุด

ถ้าฝั่งหนึ่งผิด อีกฝั่งถูกตลอดเวลา ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องเดียวกัน กติกาแบบนี้จะอยู่กันอย่างไร

บอกตามตรงเบื่อมาก

สาม สอเสือ