เล่าเรื่องเก่านะครับ สมัยก่อนผมเคยเป็นนักข่าวกีฬาฉบับหนึ่ง ทำงานอยู่หลายปี มีการแข่งขันกีฬาที่ไหนก็ต้องไปตามคำสั่งหัวหน้าข่าว ต่างประเทศก็ต้องไปบ่อย สนุกดีได้เห็นอะไรแปลกใหม่ สมัยนั้นผมไปทำข่าวสนุ้กเกอร์ ชิงแชมป์เอเชีย ที่ปักกิ่ง ประเทศจีน ประมาณ 30 กว่าปีที่แล้ว ไปคนเดียวนอกจากจะต้องทำข่าว และส่งเข้ากรุงเทพทุกวันทางแฟกซ์ เพราะยังไม่ทันสมัย ก็ต้องส่งฟิลม์เข้ากรุงเทพทุกวันทางเครื่องบิน เพราะไม่มีระบบดิจิตอล เหมือนสมัยนี้ อยู่คนเดียวที่เมืองจีน 7 วัน

ความจริงไปทำข่าว 10 วัน ส่วน 3 วันแรกมีเพื่อนเป็นนักข่าวช่อง 7 ซึ่งไปกัน 2 คนช่วงนั้นประเทศจีน อะไรก็ต้องจ่าย ขนาดไปทำข่าวยังต้องยังต้องจ่ายค่านำกล้องเข้า เจ้าหน้าที่เรียกเก็บกันเอง เป็นแสนบาทนะครับเริ่มต้นที่เจ้าหน้าที่ ตม. และก็เจ้าหน้าที่จัดการแข่งขัน เรียกเก็บเงินกันยุ่งไปหมด

หลังจากนักข่าวช่อง 7 และช่างภาพ เข้าประเทศจีนผ่านไปได้แต่ตัว กล้องต้องทิ้งเอาไว้เพราะต้องจ่ายเงิน ทำยังไงได้ นักข่าวทีวีไปทำข่าวไม่มีภาพก็จนเห่

ช่วงแรกนักข่าวก็ไปแจ้งไปทางหัวหน้าว่าจะทำอย่างไรเพราะ จะจ่ายเงินก็คงไม่ไหวแพงเกินไป เมื่อยังแก้ปัญหาไม่ได้ทางช่อง 7 ก็ให้ส่งข่าวเป็นกระดาษไปก่อน ให้คนอ่านข่าวอ่านผลการแข่งขันทางทีวี

เจรจาอย่างไรก็ไม่ยอมทางหัวหน้าช่อง 7 สั่งให้ไปซื้อกล้องวีดีโอ ของจีนมาก็ได้ถูกกว่านำกล้องเข้าไป เดี๋ยวจะโอนเงินให้ เรื่องไม่จบแค่นั้นเพราะทางฝ่ายจัดการแข่งขันบอกว่า ถ้าจะถ่ายการแข่งขันก็ต้องจ่ายเงินอีกประมาณ 5 หมื่นกว่าบาท

นี่ขนาดเจ้าภาพเป็นคนเชิญนักข่าวมาทำข่าวนะครับ ยังเก็บเงินใต้โต๊ะกันวุ่นวายไปหมด

สุดท้ายหัวหน้าทางช่อง 7 คงสุดจะทนกับความโหลยโท่ยของเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขันไม่ไหว ก็ในเมื่อมันไม่ได้ภาพก็ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่อไปสั่งให้กลับกรุงเทพ ส่วนผลการแข่งขัน ก็ให้ขอจากหนังสือพิมพ์ที่ผมทำงานอยู่ เพราะต้องรายงานทุกวันอยู่แล้ว

ตัวผมเองก็เลยต้องแกร่วคนเดียว 7 วันเต็มกับนักกีฬาสนุ้กเกอร์ 3 คน คือ รมย์ สุรินทร์ / ต่าย พิจิตร และนกแล ผมจำฉายาไม่ได้แล้ว ซึ่งต้องแข่งขันทุกวันแล้วผมก็ไปปะปนกับนักกีฬาไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่จีนไม่ยอม

มีอยู่วันหนึ่งหลังจากแข่งสนุ้กเกอร์เสร็จก็ไปกินข้าว กับนักสนุ้กเกอร์ทีมชาติ ทั้ง 3 คนเป็นร้านอาหารใกล้สถานที่แข่งขัน ด้วยเราทั้ง 4 คนภาษาอังกฤษได้แค่กล้อมแกล้ม ตัวผมภาษาอังกฤษดีที่สุดจากที่โหล่

แต่ไม่มีประโยชน์เพราะในขณะนั้นคนจีนที่นั่นรู้ภาษาอังกฤษน้อยมาก มีแต่ภาษาจีนกลาง ซึ่งเราก็ฟังไม่รู้เรื่อง

เรื่องก็เกิดขึ้นจนได้ รมย์ สุรินทร์ อยากกินไข่เจียว หลายคนในทีมก็อยากกิน ให้ผมช่วยสั่ง ผมก็สั่งอาหารเป็นภาษาอังกฤษ บ๋อยพูดโต้กลับออกมาเป็นภาษาจีนคุยกันอยู่ซักพัก

ผมเดาว่าเขาคงไม่เข้าใจผมแน่ว่าผมสั่งอะไร ผมก็เลยเอากระดาษขึ้นมา 1 แผ่น วาดรูป ไก่ กระทะ ตะหลิว ไข่ แล้วก็วาดให้เป็นรูปไข่มีรอยร้าว ผมก็ให้บ๋อยดู เขาก็ตอบโต้เป็นภาษาจีนอีก ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเข้าใจถูกต้องตามที่ผมสั่งหรือไม่

ขั้นสุดท้ายผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องเด็ดขาดกันไปข้างหนึ่ง ผมจัดแจง ขยับแขนท่าไก่ แล้วก็เอามือขวาทำท่าว่าไข่ออกจากตูดไก่ และตอกไข่ใส่กระทะ

ผมกระหยิ่มว่าผมฉลาดพอดู น่าจะทำให้พวกเราได้กินไข่เจียวกันแน่ ก่อนหน้านั้นเราสั่งอาหารมากินกันแล้วนะครับ เป็นข้าวผัด กับแกงจืด สั่งไม่ลำบากเพราะมีรูปให้ชี้ สั่งอยู่นานไม่เสร็จซักที

พอดีมีกรรมการสนุ้กเกอร์ชาวมาเลเซีย เดินเข้ามาในร้านก็เลยให้ช่วยถาม เพราะเขาพูดภาษาอังกฤษ กับภาษาจีนกลางได้ เขาบอกว่ากำลังทำอยู่

นานมากสุดท้ายเรากินอิ่มแล้วแต่ไข่เจียวก็ไม่มา เราก็เลยบอกให้ใส่ห่อกลับไปกินโรงแรมดีกว่า แล้วก็ให้คิดเงินเลย บ๋อยแจ้งราคาอาหารที่เรากินหลายร้อยหยวน เกือบ 1 พันบาท เล่นพวกเรางง ทำไมมันแพงขนาดนี้ ข้าวผัด 4 จาน แกงจืด 4 ถ้วย แล้วก็ไข่เจียวห่อกลับบ้าน พวกเรารอยังไม่จ่ายเงิน

เพราะเริ่มสงสัยแล้วว่าคงไม่ใช่ไข่เจียวธรรมดาแน่ จนพนักงานเดินถือของที่ไส่ห่อมาให้ มันใส่ถุงครับ ไม่ใช่ไส่กล่อง มันไม่ใช่ไข่เจียว แต่เป็นไก่ดำตุ๋นยาจีน

เรา 4 คนได้แต่มองหน้ากันเราสั่งของยากเกินไปหรือเปล่า วะ “ไข่เจียว”

สาม สอเสือ