29 กุมภาพันธ์ 2559
เขียนจากความรู้สึกเลยนะ จริงๆ บัญชีเล่มเดียวมันก็ดี ใครขายอะไรซื้ออะไรก็ออกบิลใบเสร็จใบกำกับภาษี รับบิลใบเสร็จใบกำกับภาษี อย่างถูกต้อง นักบัญชีตามสำนักงานบัญชีทำงานง่าย ลงตรงไปตรงมาภาษีส่วนเกินก็จ่ายให้หลวง
โดยเฉพาะพวกแวดวงนักขายบนออนไลน์ ที่ยังหลบกันอยู่ มีบางคนยังไม่เข้าใจว่าทำไมขายของบนออนไลน์ ต้องเสียภาษีเสียยังไงไม่เข้าใจ คือไม่เข้าใจไม่ได้ตั้งใจหลบ แต่ไม่รู้จะเสียยังไง อันนี้เคยได้ยินจากปาก ผมเองไม่รู้ว่าพูดจริง หรือคิดเองเออเองไปเรื่อย เพราะถ้าว่ากันตามกฎหมายใครมีรายได้ก็ต้องเสียภาษี จะบอกว่าไม่รู้ก็คงเข้าใจยากกันหน่อย
อีกประเภทพวกพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ คิดก็คือพวกเขา (เจ้าหน้าที่สรรพากร) จะรู้ได้ไงว่าเรามีรายได้เท่าไหร่ จะจับได้ยังไงเราไม่เปิดเผยซะอย่าง อันนี้คงต้องเตือนกันดังๆ เลยครับต้องระวังอย่างยิ่งยวด
ในบรรดาค้าขายแบบร้านค้า เช่นตามห้าง ตามร้าน หรือตามตลาด ก็คงไม่เถียงว่าเจ้าหน้าที่สรรพากรเขาตรวจจับยาก จะไปนั่งนับการขายแต่ละวัน แต่ละร้านคงต้องใช้เวลากันหลายปีกว่าจะตรวจหมด
จะว่าไม่มีวิธีเลยก็ไม่ใช่เพียงแต่เจ้าหน้าที่สรรพากร เขาไม่รุกไล่คุณจริงเท่านั้น แค่เดินเข้าไปในร้านเห็นข้าวของที่คุณวางอยู่ในร้าน ก็พอจะประมาณการตัวเลขไม่ยาก ว่าคุณควรมีรายรับอยู่ประมาณเท่าไหร่
เขาดูจากค่าเช่าร้าน ค่าไฟ ค่าน้ำ คนงาน และสินค้าที่กองอยู่ในร้านคุณ ก็ประเมินได้พอสมควร เรื่องภาษีเงินได้คงไม่ได้เป็นประเด็นมากนัก เพราะเสียกันไม่เยอะเอาว่าโดนกันหนักๆ ก็หลักหมื่นหลักแสน
โดยส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่สรรพากรเขาจะเล่นงานภาษีมูลค่าเพิ่มมากกว่า เพราะได้เป็นน้ำเป็นเนื้อ บางรายก็บอกว่าจะเสียภาษีมูลค่าเพิ่มได้ไง ในเมื่อเวลาขายสินค้าเราไม่เคยเรียกเก็บจากลูกค้า เพราะทำให้สินค้าราคาแพงขึ้น สู้คู่แข่งไม่ได้ อันนั้นเป็นเรื่องการค้าไม่ใช่เรื่องกฎหมาย
โดยกฎหมายเขาบังคับเลยว่า ถ้าท่านประกอบกิจการมีรายได้เกินกว่า 1,800,000 บาทต่อปี จะต้องจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการภาษีมูลค่า ภายใน 30 วันนับจากที่ท่านรายได้เกิน บางคนก็งงแล้วจะจดแล้วทำไงต่อ บางคนรู้ก็พยายามหลบ เพื่อไม่ให้ตรวจจับเจอ
เรื่องการตรวจร้านค้าผมเขียนไปแล้วว่าถ้าเจ้าหน้าที่เอาจริง ก็คงได้เป็นกอบเป็นกำ เพื่อให้ท่านเป็นผู้ประกอบการภาษีมูลค่าเพิ่ม ทุกครั้งที่ขายจะต้องเรียกเก็บจากลูกค้า 7 เปอร์เซ็นต์ กฎหมายบังคับ
แต่ถ้าเป็นผู้ประกอบการออนไลน์ ซึ่งคิดว่าเขา (สรรพากร) คงตรวจสอบยาก อันนี้ต้องบอกก่อน ง่ายกว่าพวกขายของตามร้านค้า ตามห้าง เยอะั
ทางสรรพากรเขามีหน่วยตรวจจับการค้าบนออนไลน์โดยเฉพาะ ผมไม่รู้ว่ามีจำนวนบุคคลากรมากแค่ไหน แต่เคยทราบวิธีมาบ้าง ต้องเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ผ่านการอบรม เข้ามาตรวจจับพวกพ่อค้าแม่ค้าทางออนไลน์กันโดยเฉพาะ ประเด็นที่เล่นงานก็คือ ท่านมีรายได้เกิน 1,800,000 ต่อปีหรือไม่ และถ้าเกินๆ เมื่อไหร่ท่านต้องเป็นผู้ประกอบการภาษีมูลค่าเพิ่ม
ที่ท่านป้องกันได้ยากเพราะท่านก็ต้องค้าขาย บนออนไลน์เวลาลูกค้าจะซื้อสินค้าก็ต้องโอนเงินเข้าบัญชี นั่นแหละเรียกหลักฐานชั้นดี ก็ในเมื่อท่านขายสินค้าเปิดเผยเลขบัญชีธนาคาร เจ้าหน้าที่สรรพากร เขาก็รู้เขาก็อยากได้เลขบัญชีของท่านเช่นกัน พวกที่เปิดเผยก็คงไม่ได้เป็นปัญหาที่เจ้าหน้าที่จะเก็บเลขบัญชีท่านได้ แต่พวกไม่เปิดเผยก็อย่าคิดว่าปลอดภัย เพราะเจ้าหน้าที่เขาก็ปลอมมาเป็นผู้ซื้อ ขอเลขบัญชีธนาคารของท่านเช่นเดียวกัน อันนี้จากประสบการณ์เคยเจอ
ไม่ว่าใน inbox ใน Line ใน เฟชบุ๊ค ใน IG ก็ไม่ได้เป็นปัญหาที่เขาจะเข้ามาล่อซื้อ หรือท่านไปขายอยู่ที่ไหน บนออนไลน์ เจ้าหน้าที่เขาก็ตามท่านไปทุกที่ เขาก็มีข้อมูลว่าปัจจุบันพวกออนไลน์ ค้าขายช่องทางไหน
พอเจ้าหน้าที่ได้เลขบัญชีธนาคาร ซัก 2-3 บัญชีก็ทำจดหมายเรียกท่านไปรายงานตัว ตามพื้นที่ตามบัตรประชาชนที่ท่านอยู่ ให้เอาบัญชีธนาคารมาแสดงย้อนหลังซัก 2-3 ปี เท่านั้นแหละครับโลกแตก เพราะถ้าท่านมีรายได้เกิน 1,800,000 ตั้งแต่ปีแรก เพราะกฎหมายบังคับท่านต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 1 เดือน กรณีไม่จดก็ถูกบังคับไปในตัว ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ตรวจจับได้กับรายได้ที่เกิน เช่นท่าน ขายได้เดือนละ 500,000 บาท เดือนที่ 4 ในเดือน เมษายนของปีนั้นรายได้ท่านเกินแล้ว ต้องบวกภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7 เปอร์เซนต์
คิดง่าย ๆ อีก 8 เดือนท่านมีรายได้เท่าเดิมในปีแรก แสดงว่าท่านมีรายได้เกินอยู่ 4,200,000 บาท เพราะ 200,000 มาจากเดือนเมษาที่เกินอยู่ เอา 4,200,000 คูณ 7% ท่านมีภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องรับผิดชอบ 294,000 บาท นั่นปีแรก แล้วมีที่สองต้องคิดทั้งหมด รายได้เท่าเดิม 500,000 บาท ทั้งปี 6,000,000 คูณ 7% ก็มี vat อีก 420,000 แล้วปีที่ 3 อีกหล่ะ
รวมภาษี VAT ที่ต้องจ่ายให้หลวง 294,000 + 420,000 = 714,000 กรณีเจ้าหน้าที่ตรวจจับได้จะปรับเพิ่มอีก 1 เท่า 714,000 x 2 = 1,428,000 ยังไม่รวมเงินเพิ่มตามกฎหมายอีก 1.5% ต่อเดือน จากภาษี VAT 714,000 จนกว่าท่านจะชำระหมด
คนที่ค้าขายบนออนไลน์ ที่ไม่เข้าใจว่าจะต้องเสียภาษียังไง นี่เป็นตัวอย่างน้ำจิ้ม เพราะจากประสบการณ์ที่เคยพบบางท่านโดนที 2 ล้านกว่าบาท เรียกว่าทำมาค้าขายมา คืนหลวงหมดแถมเป็นหนี้กับหลวงอีก เพราะเงินที่ได้มา เอาไปอยู่กับของ กับสินค้า
บางคนไปนึกว่าภาษีรายได้มันแค่นิดเดียว จริงครับ ภาษีเงินได้นิดเดียวเพราะคิดจากฐานรายได้ หัก ค่าใช้จ่ายตามกฎหมาย แต่ภาษี VAT เขาเรียกว่าเป็นเงินที่ผู้มีหน้าที่ต้องเรียกเก็บจากลูกค้า ท่านจะเรียกไม่เรียกเขาไม่ฟังหรอกครับ ไม่มีกฎหมาย เงินที่เรียกเก็บจากลูกค้า เขาถือเป็นเงินหลวงไปแล้ว แล้วคุณเก็บเงินภาษีแทนหลวง เพราะฉะนั้นค่าปรับ เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม จึงโหดกว่าภาษีเงินได้เยอะ
ว่าจะเขียนเรื่องบัญชีเล่มเดียว เอาตอนต่อไปแล้วกัน
สาม สอเสือ