17 ตุลาคม 2560


เรื่องแรก หลังจากส่งภาษีตามหน้าที่สำนักงานบัญชี วันนี้ตอนเช้ามีหน้าที่ไปจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงภาษีมูลค่าเพิ่มให้ลูกค้า เป็นการย้ายสถานประกอบการจาก จังหวัดปทุมธานี เข้ากรุงเทพ ย้ายข้ามจังหวัด ตอนเช้าขับรถไปสรรพากรลำลูกกา ก็ไกลพอสมควรจดทะเบียนย้ายออกเรียบร้อย ก็เข้ามาที่สรรพากรพื้นที่กรุงเทพ 8 บริเวณตลาดรามอินทรา กม.2 โชคไม่ดีเจ้าหน้าที่บอกระบบเชื่อมต่อของสรรพากรกรุงเทพอินทราเน็ต ล่มทั้งจังหวัดโอกาสเสร็จวันนี้ไม่มี

ผมเตรียมการไว้เจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่แล้ว ในหน้าเอกสาร ภพ.09 แบบเปลี่ยนแปลงฯ ผมลงวันที่เผื่อเวลาไว้เป็นวันที่ 10 พฤศจิกายน โดยไปทำการย้ายในวันที่ 17 ตุลาคม เผื่อเวลาไว้ 24 วัน ตามกฎหมาย การย้ายสถานประกอบการภาษีมูลค่าเพิ่มต้องแจ้งสรรพากรก่อน ไม่น้อยกว่า 15 วัน ถ้าผมลงวันที่ 2 พฤศจิกายน ไปย้ายออกมาแล้วต้องย้ายเข้าเลยในวันนี้ แล้วบังเอิญอินทราเน็ต ของสรรพากรเสียไม่สามารถทำได้ วันรุ่งขึ้นมาจดทะเบียนเข้า จะมีค่าปรับทันที 2,000 บาท เพราะเอกสารแจ้งออกแก้ไม่ได้แล้ว เลยเหลือเวลาอีก 9 วันในการย้ายเข้าโชคดีไป (อันนี้คือความรู้มาฝาก)

เรื่องสองช่วงปิดเทอมเด็กๆ ออฟฟิศก็จะยุ่งหน่อย เพราะเด็กๆ หยุดเทอมที่ออฟฟิศนี้มีตั้ง 3 คนผมเองน่าจะว่างสุด หลังจากกลับจากสรรพากร ผมก็มาพิมพ์เปลี่ยนแปลงกรรมการให้บริษัทลูกค้าอีกราย หลังจากเสร็จก็ชวนเด็กๆ ไปห้างใกล้ๆ บอกจะทำสเต็กเนื้อให้กินเด็กชอบนะ ส่วนหนึ่งก็มีกิจกรรม แล้วเด็กพวกนี้ก็ชอบกินสเต๊กเนื้อแต่ต้องเป็นเนื้อดี เนื้อที่ซื้อมาเป็นเนื้อออสเตรเลีย ดรายเอจ [Dry Aged] มาแล้วผมว่าน่าจะ 30 วันเพราะเนื้อมีสีคล้ำ แล้วก็ซื้อผักทำสำเร็จเป็นชิ้นมาด้วย ฟักทอง แครอท ถั่วลันเตา กระหร่ำดอก รวมทั้งมันฝรั่งเพื่อมาทำ มันบด

เพื่อให้เกิดกิจกรรม และดึงเด็กๆ ออกจากยูทูป ผมเริ่มจากเนื้อก่อนเอามาล้างซับให้แห้งแล้ว ก็โรยดอกเกลือ ที่ซื้อมาจากสมุทรสงคราม ใช้พลาสติคคลุมแรป [rap] เอาไว้แล้วไปเก็บใส่ตู้เย็นในช่องธรรมดา โดยทุกอย่างให้เด็กโตเป็นคนทำทุกขั้นตอน ส่วนตัวผมก็ปลอกเปลือกมันฝรั่ง ขั้นหั่นให้เป็นลูกเต๋าเล็กๆ จะได้ต้มนิ่มสุกเร็ว การหั่นผมก็ให้เด็กโตกับเด็กเล็ก ช่วยกันได้เตือนให้ระวังการใช้มีด อยู่ในครัวมันเต็มไปด้วยของมีคม ความร้อน เตาแก๊ส ห้ามวิ่ง ห้ามเล่นโลดโผน เพราะอันตรายมันเกิดได้ทุกเวลา ทำอาหารมือต้องสะอาด มือที่สัมผัสอาหารต้องล้าง ห้ามหยิบจับสิ่งอื่นที่คิดว่าไม่สะอาด หั่นเสร็จใส่หม้อไปเลย

หลังจากหั่นเสร็จก็เติมน้ำใส่เกลือไปเล็กน้อย แล้วก็ต้มใช้เวลาไปซักพัก ให้เด็กๆ ชิมกันเองว่าสุกหรือยัง นิ่มหรือยัง ให้เขาตัดสินใจทุกขั้นตอน 2 คนช่วยกันชิมแล้วออกความเห็นว่าสุกแล้วนิ่มแล้ว ผมก็ตักใส่กะละมังสแตนเลส น้ำต้มที่อยู่ก็เอาผักอื่นเอาไปลวกจนนิ่ม แล้วก็ไปแช่น้ำแข็ง ส่วนมันบดผมให้เด็กโตเป็นคนขยี้ เป็นที่ขยี้มันบดมีด้ามจับ เพราะต้องใช้แรงส่วนเด็กเล็กผมให้ปรุงเอง โดยใส่เกลือ น้ำตาล และวิปปิ้ง พริกไท นิดหน่อยชิมเองตัดสินใจเอง งานนี้ก็สนุกซิครับเด็กสองคนช่วยกันทำ ช่วยกันชิม จนมันฝรั่งละเอียดแต่ไม่ต้องมาก เพราะผมต้องการรสสัมผัสแบบเป็นก้อนอยู่บ้าง เด็กๆ ก็ชอบมันไม่เละเนื้อเนียนไปหมด

ระหว่างที่ใกล้เสร็จผมก็เริ่มทำสเต็ก โดยแกะแรปออกสะบัดเนื้อเอาเกลือออกแต่ไม่ล้าง เพราะอยากให้มันเค็มติดนิดๆ ให้มือปาดเกลือออกจากเนื้อ อีกเตาหนึ่งก็เอากระทะวางใส่เนยตั้งให้ร้อน เอาผักที่ลวกแล้วไปผัดใส่เกลือติดหน่อย ทำไปพร้อมๆ กับสเต๊กจะได้ร้อนเวลากินพร้อมๆ กันให้เด็กโตผัดเอง ส่วนมันบดให้เด็กเล็กขยี้ต่อเขาจะได้มีส่วนร่วมเพิ่มขึ้นมันจะอร่อยขึ้น

ส่วนผมก็จี่สเต๊กในน้ำมันมะกอกในกระทะย่างแบบร้อนมาก โรยโรสแมรี บนเนื้อด้านบนที่ยังไม่โดนความร้อน พอด้านล่างพอสุก ก็พลิกเนื้อแล้วโรยโรสแมรี่อีกด้าน ดูว่าเนื้อสุกแบบเกือบมีเดียมแรร์ [Medium Rare] แล้วก็พลิกเนื้ออีกครั้ง เอาโรสแมรี่ไปโดนความร้อน จนเนื้อเป็นมีเดียมแรร์ แน่นอนแล้วก็ปิดไฟตักใส่จานเทน้ำมันมะกอกในกระทะราดเนื้อ ผักก็ตักใส่ชาม มันบดก็ยังร้อนใส่ชาม

สรุปมื้อนี้เด็กๆ และทุกคนกินเนื้อ กินผักกันหมดทุกอย่างรวมทั้งมันบด เด็กๆ ก็กินผักกันสนุก

จะสังเกตุให้ผู้อ่านว่าเรื่องที่เขียนมานี้ มันไม่ใช่เรื่องการทำอาหารอย่างเดียว แต่เป็นการจัดลำดับหน้าที่ความรับผิดชอบ โดยผมเป็นผู้ควบคุมงาน เด็กๆ ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองทำได้ จัดลำดับการทำงานวางงาน

การร่วมกันทำอาหารมันก็เหมือนการทำงานชนิดหนึ่ง เราสามารถออกแบบให้ทำงานร่วมกันได้ ไม่มีใครพบความสำเร็จคนเดียว ไม่มีใครอ่อนแอกว่าแข็งแรงกว่า ฉลาดกว่าให้เขาได้ตัดใจเองบ้าง ไม่ว่าเรื่องในครัว ในบ้าน ในเมือง รวมทั้งการเมืองไทย

ของฝากก็มีแค่นี้

สาม สอเสือ