เป็นเรื่องมี 2 มุมมองกันมานาน เกิดจากการอ่าน พบเจอเรื่องจินตนาการในทางธุรกิจน่าจะเป็นเรื่องดี การจินตนาการทำให้ธุรกิจเจริญก้าวหน้ามีช่องทาง แต่การจินตนาการจะได้ผล ต้องมีข้อมูลที่มากพอ สินค้า กลุ่มเป้าหมาย การโฆษณา เงินลงทุน การขาย การซื้อ ถ้าทุกอย่างมีข้อมูลที่มากพอ การจินตนาการอาจจะได้ผล ซึ่งผมจะใช้คำว่าอาจจะ เพราะการตัดสินถึงแม้ว่าจะมีข้อมูลมากพอ แต่การเปลี่ยนแปลงสภาพสังคมเร็วมาก ในยุคอินเตอร์เน็ตไหลวนกันเป็นสายน้ำ ไม่หยุดนิ่ง การตัดสินวันนี้อาจไม่ใช่สำหรับวันพรุ่งนี้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดแผกอะไร ถ้าไม่ตัดสินใจเดินหน้าจากการจินตนาการวันนี้ เราก็ต้องหยุดนิ่ง ชีวิตหยุดนิ่ง ธุรกิจหยุดนิ่ง ก็เรียกได้ว่าคือการถอยหลัง เพราะสังคม เศรษฐกิจ ทั่วไทย ทั่วโลก เดินหน้าเราหยุดนิ่ง ก็คือการถอยหลัง

จินตนาการในชีวิตจริง บางทีก็ควรมีข้อจำกัด เพราะจินตนาการมากไป โดยไม่มีข้อมูลคิดไปเอง ถ้ามันไม่เกิดขึ้นจริงบ่อยๆ จะกลายเป็นคนโกหกดูไม่น่าเชื่อถือ

คนที่เขาดูเขาฟังเขาไม่รู้ว่าจริงไม่จริง ถ้าเราเลือกที่จะดูจะฟัง แล้วไม่เป็นไปตามนั้น เราบอกไม่ได้ว่านั่นคือจินตนาการ มันจะกลายให้คนเขามองว่าเป็นคนโกหก มากกว่าจินตนาการผิด

พอผิดบ่อยๆ ไม่ว่าเรื่องชีวิติส่วนตัว ธุรกิจ หรือการเมือง คนจะชี้ว่าโกหกมากกว่าจินตนาการผิด

เรื่องนี้มันไปเข้ากับพวก บลูชิท พูดไปเรื่อยไม่มีข้อมูล ข้อมูลไม่พอแต่อยากจะพูด

สังคมฟังแล้วปวดหัวกับพวกนี้มาก

เหมือนผีเจาะปากมาพูด จับยาก น่ารำคาญ พวกนักการเมืองออกแนวนี้เยอะ

ทั้งเลือกตั้ง ทั้งยึดอำนาจ ทั้งแต่งตั้งมา

โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ยึดอำนาจ จนถึงปัจจุบัน

ยิ่งโลกยุคนี้เป็นยุคโซเชี่ยล ชาวบ้านยิ่งระอา บันทึกไว้ 1 กันยายน 2566

สาม สอเสือ