มานั่งๆ นอนๆ อยู่หัวหิน 1 สัปดาห์ ทำให้อารมณ์กระเจิดกระเจิงไปเยอะ มันไม่ใช่การมาท่องเที่ยวพักผ่อน แต่เป็นการหลบน้ำท่วมในสภาวะที่แสนจะอึดอัด ทำให้คนที่ต้องทำงานเกือบทุกวัน มีวันหยุดก็หลบพักผ่อน ตามปกติของคนทำงานในเมือง เริ่มมีชีวิตที่ไม่ปกติในช่วงนี้

     บางครั้งก็เหนื่อยกับการทำงาน แต่วันนี้ผมเหนื่อยกับการพักผ่อนครับเบื่อด้วยเครียดด้วย คิดถึงบ้าน คิดถึงปลาทองที่ผมเลี้ยงเอาไว้ ตัวใหญ่เท่าฝ่ามือเกือบ 10 ตัว คิดถึงอะไรอีกหลายอย่างแต่สิ่งหนึ่งที่คิดถึงมากที่สุดก็คืองาน

     นั่งจินตนาการณ์ไปต่างๆ นาๆ ว่ากลับกรุงเทพแล้วจะทำยังไงจะทำงานได้อย่างไร ในเมื่อสภาพออฟฟิศซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่ท่วมด้านใน แต่นอกบ้าน นอกออฟฟิศน้ำล้อมไว้หมดแล้ว มันอาจจะไม่สูงมากนักตามจินตนาการณ์ของคนที่ไม่ได้ถูกน้ำท่วม มันก็แค่ท่วมเข่า มันก็แค่ท่วมน่องของผู้ใหญ่ ยังเดินได้

     มีลูกค้าอยู่แถวอนุสาวรีย์ชัย ที่ยังไม่ถูกน้ำท่วมโทรมาอย่างไม่เข้าใจว่าเราทำไมต้องหยุด มันหนักหนาขนาดนั้นเชียวหรือ แล้วถ้างานบัญชีของลูกค้าเสียหายจะทำอย่างไร ได้แต่เซ็งเป็ดกับคำพูดเหล่านั้น ถ้ามันไม่หนักหนาคนมันคงไม่อพยพกันให้เปลืองเงินเปลืองทอง เดี๋ยวให้น้ำท่วมออฟฟิศคุณก่อน แล้วคุณค่อยมาพูดกับผมใหม่ว่า ทำไมต้องหยุด ถ้าคุณเป็นคนโชคดี สนุกกับน้ำท่วมก็อนุโมทนาด้วย พักเรื่องนี้ไว้เปลี่ยนเรื่องที่จะพูดถึงดีกว่า

     ผมตัดสินใจนั่งๆ นอนๆ แบบนี้ไม่ไหว มันเหมือนชีวิตหลังเกษียณ มันไม่มีอะไรทำแบบนี้ไม่ได้ แค่ 1 สัปดาห์ความเงียบ และความว่างเปล่าในชีวิตมันทำลายอารมณ์ให้ผมกระเจิง วันอาทิตย์ที่ 13 ผมตัดสินใจกลับกรุงเทพ และเริ่มกังวลต่อไปว่าจะกลับยังไง ขับรถกลับได้มั้ย ถนนพระราม 2 ที่เป็นจุดเชื่อมภาคใต้ จะถูกตัดขาดหรือไม่จากน้ำท่วม ถ้ากลับไม่ได้ต้องวิ่งรถไปทางไหน นั่นอาจเป็นความกังวล

     แต่ผมว่าชีวิตหลังเกษียณหน้ากลัวกว่าในระหว่างที่ผมยังไม่เกษียณ ผมลองมาแล้ว 1 อาทิตย์ เกือบตาย บันทึกไว้ 11 พฤศจิกายน 2554

สาม สอเสือ