เหตุการณ์เร็วๆ นี้ เรื่องการจดภาษีมูลค่าเพิ่มให้ลูกค้า บริษัทจดมาซักพักใหญ่แล้ว แต่จดภาษีมูลค่าเพิ่มไม่สำเร็จหลายเดือน เรื่องมีเหตุการณ์ผสมกันไปหมด จนหัวเสีย
อย่างแรกผมเองก็ผิด จดทะเบียนให้ลูกค้า บ้านเลขที่ผิด จาก /24 เป็น /27 เวลาจดภาษีมูลค่าเพิ่ม เจ้าหน้าที่สรรพากรจะไปพบ ก็ไม่เจอเพราะมันคนละบ้าน
เจ้าของบริษัทเองก็ไม่รู้ว่าผิด ผมเองก็ไม่รู้ว่าผิด แต่เรื่องนี้จริงๆ ทุกครั้งที่มีการจดทะเบียนบริษัทกับ กรมพัฒนาธุรกิจ เจ้าหน้าที่จะเอาทะเบียนบ้านไปตรวจเลขบ้าน 10 หลักบนทะเบียนบ้านว่าตรงกันสถานที่จดทะเบียนหรือไม่
แต่ครั้งนี้ไม่ตรวจเพราะด้วยความที่คุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่ จดทะเบียนกันบ่อย ไม่ต้องโทษใครโทษผมเองนี่แหล่ะบุคคลต้นเรื่อง
หลังจากพยายามจดภาษีหลายครั้งไม่ผ่าน เมื่อรู้ภายหลังในสิ่งที่ผิดที่บ้านเลขที่ จากความพยายามมาแล้วหลายเดือน เจ้าหน้าที่สรรพากรบอก มิน่าผมไปไม่เคยเจอ เพราะภาพถ่ายบ้าน กับบ้านที่ผมเห็นไม่เหมือนกัน ก็เลยถึงบางอ้อ ผมก็ไปจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงให้ถูกซะ
สารภาพเลยลูกค้ารายนี้จะกลัวสรรพากรมาก ไม่ว่าสรรพากรฝ่ายไหน ขึ้นชื่อว่าสรรพากรถึงแม้ว่าจะไม่อยู่ฝ่ายตรวจสอบ ก็ไม่อยากพบไม่อยากคุยกลัวพลาด ประมาณนั้นก็เลยต้องมอบอำนาจให้ทางผมไปพบ ไปมอบเอกสารให้สรรพากรฝ่ายบริหารทั่วไปเป็นผู้อนุมัติ vat
เจ้าหน้าที่สรรพากรได้ส่งอีเมล์ เอกสารตัวแบบชี้แจงว่า ลูกค้าทำอะไร รายได้มาจากแหล่งไหน สินค้ามาจากไหน ขายให้ใคร ขายช่องทางไหน โดยอีเมล์ไปแล้วลูกค้าไม่เคยเช็คเมล แต่ลูกค้าบอกไม่ได้รับ ผมเองก็ไม่รู้ก็ให้เจ้าหน้าที่ยื่นเอกสารก่อน ปรากฎว่าเฟลขาดเอกสารชิ้นดังกล่าว เดินทางไกลพอสมควร ออฟฟิศผมกับสรรรพากรพื้นที่ของลูกค้า
โทรหาสรรพากร ขอให้อีเมล์เอกสารชิ้นนี้มาที่ผมโดยตรง และบอกว่าให้พิมพ์เป็นข้อๆ ที่เราจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม อะไรวะข้อๆ ผมก็พิมพ์ไปตามที่จดไว้ใน ภพ.01 เฟลอีกรอบ เขาบอกเป็นข้อๆ อะไรวะเป็นข้อๆ การสื่อสารขาดช่วง โดยที่ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่ของผมบอกเป็นข้อๆ คืออะไรไม่ได้โทรถามเอง
ก็เลยมีการโทรไปถามโดยตรงว่าเป็นข้อๆ คืออะไร เจ้าหน้าที่บัญชีผมเป็นคนคุย ผมก็พยายามให้เขาลำดับกันเองว่า สรรพากรบอกว่าอะไร
เจ้าหน้าที่ผมก็พิมพ์ออกมา บอกตามตรงเรื่องเหล่านี้ต้องใช้ทักษะในการเขียนด้วย ผมอ่านแล้วไม่รู้เรื่อง แต่ก็บอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวแก้ให้
วันแรกผมหัวเสียเหมือนกัน เรื่องการสื่อสารเรื่องการพูด การเขียน
มารุ่งขึ้นอีกวันค่อยๆ ผ่อนคลายคนเรารู้ไม่เหมือนกัน
ผมเขียนให้ ปรับข้อความให้ เล่าเรื่องให้ ข้อ 1.บริการฝากขายแบรนด์เนม 2.ขายปลีกสินค้าแบรนด์เนม 3.บริการให้คำแนะนำการตลาด
บริการอะไรให้ใคร รายได้มากจากไหน สินค้าที่เราจะมาบริการให้มาจากแหล่งไหน ขายที่ไหน ลูกค้ามาจากไหน ส่วนขายปลีกก็อธิบายไป บริการข้อสุดท้ายก็อธิบายเป็นข้อความด้วยการพิมพ์ หรือจะเรียกการเขียนก็ได้
ให้เจ้าหน้าที่ไปยื่นอีกรอบจนท้อ สรุปผ่านเจ้าหน้าที่บอกเขียนแบบนี้แหล่ะ
การสื่อสารจึงสำคัญมาก ไม่ว่าพูด หรือเขียน แต่ทุกอย่างต้องฝึกฝนจากการอ่านเยอะ คือจุดเริ่มต้น บันทึกไว้ 27 กันยายน 2566
สาม สอเสือ