ต่อสู้กับความเป็นมนุษย์
ความยากลำบากของคน ไม่ได้ขึ้นกับปัจจัยรอบด้านเท่านั้น คนที่เกิดมาแล้วต้องการความก้าวหน้า และความสมบูรณ์ของชีวิตไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่ความผิดเกิดจากเหตุผลรอบด้านในการทำงาน ซึ่งเคยมีคนกล่าวไว้คนที่ไม่เคยผิดพลาดในชีวิตคือ คนที่ไม่เคยทำอะไรเลย ไม่รู้ว่าเป็นคำพูดที่ถูกหรือว่าผิด การกล่าวถึงประโยควลีใดๆ ก็ตามไม่ได้มีจุดมุ่งหมาย ที่จะโทษใคร หรืออ้างเหตุผลนานับประการ เท่าที่เกริ่นมาเพราะมีที่มาของเรื่องที่จะเล่าให้ฟัง
เริ่มจากดูรายการย้อนรอย เป็นรายการโทรทัศน์ช่องไอทีวี เสนอเรื่องของการฆ่าตัวตายของบุคคลท่านหนึ่ง ที่เคยเป็นผู้จัดการบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ในเมืองไทย ที่มีการย้อนให้เห็นถึงความผิดพลาดของท่าน ที่ตัดสินใจจากไปด้วยการ ฆ่าบุคคลที่อยู่ในครอบครัวรวมทั้งตัวท่าน ซึ่งเป็นผู้ลงมือสังหารบุคคลเหล่านั้นด้วยตัวเองรวมแล้วถึง 8 ศพ
การตัดสินใจ ณ วันที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าสาเหตุที่แท้จริง คืออะไร เพราะคนที่จากไปแล้วย่อมพูดอะไรไม่ได้ แม้จะมีการยืนยันจากจดหมายว่า จากไปเพราะไม่ต้องการให้คนในครอบครัวที่เอาไปด้วย เป็นภาระแก่ใคร และมีหนี้สินมากยากเกินกว่าที่แก้ไขได้
ข้อความในจดหมาย
เริ่มจากเหตุการณ์นี้จึงตัดสินใจที่จะเล่าความในใจของตัวเองให้คนอื่นได้รับรู้ว่า ก่อนที่คนเราจะขาดสติในเวลานั้นๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย
ในเวลาที่ผ่านมาเกือบปี ไม่เคยมีสักวันที่จะนอนหลับเต็มตา เพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น เช้าขึ้นมาก็มีโทรศัพท์ที่แข่งกันดังตั้งแต่ 8.30 น.จากที่นั่นที่นี่ นัดชำระเงิน ที่ต้องจ่ายหนี้ที่คงค้างไว้ ที่นัดไว้ทำไมยอดยังไม่เข้า หรือถ้าดังหลายครั้งหน่อยก็จะมีน้ำเสียงสูงปรี๊ดขึ้นเล็กน้อย ประมาณว่าฉันโทรหลายครั้งแล้วนะทำไมเธอผู้เป็นเจ้าของโทรศัพท์ไม่รับสายซักที ก็เข้าใจตรงนี้เป็นหน้าที่ของใครก็ของมัน ในเมื่อเป็นหนี้แล้วมีภาระที่ต้องจ่ายก็ต้องหาเงินมาจ่าย และเมื่อเรายังค้างอยู่เขา ผู้ให้กู้ยืมก็ต้องติดตามและทวงถาม
เหตุผลในการกู้ยืมสำหรับตัวเองเด่นชัด ว่าไม่เคยเอาไปซื้อของฟุ่มเฟือย ไม่ได้เอาไปเที่ยวเตร่ ไม่ได้เล่นการพนัน และแน่นอนไม่เคยเอาไปทำหาย แต่เอาไปลงทุนทำงาน
แปลกที่หลายคนบอกคิดยังไงกู้เงินส่วนบุคคล และจากบัตรเครดิตไปลงทุนทำธุรกิจ
ไม่แปลกหรอกเพราะเมืองไทย ไม่มีเส้นสายที่จะให้กู้เพื่อเอามาทำธุรกิจที่สุจริต ไม่มีสินทรัพย์ไปจดจำนองเพื่อกู้ยืมเงิน เวลาที่กำไรเจ้าของธุรกิจนั้นรวยคนเดียว (ทั้งๆ ที่ค่าสาธารณูปโภคก็ต้องเสีย ภาษีก็ต้องเสีย ลูกน้องก็ต้องจ้าง) เพราะอย่างนี้ถึงเวลาที่จะรับผิดชอบหนี้สินก็ต้องรับคนเดียว ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่
จากเหตุการณ์ที่อ้างถึงข้างต้น เรื่องของการฆ่าตัวตาย สาเหตุเพราะสิ่งสุดท้ายที่อยู่ในใจมันหายไป เนื่องจากมนุษย์ถูกแปรสภาพเป็นเพียงวัตถุ จากการมีหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่มีช่องให้โอกาสเขาเหล่านั้นกลับมาแก้ปัญหา
ปัญหาเริ่มจากการขาดส่งเงินกู้ทุกตัวที่เราไปกู้มา รายได้เกิดการสะดุดและแน่นอนบุคคลเหล่านี้ไม่มีการสำรองเงินเพื่ออนาคต เพราะเป็นช่วงที่ต้องการหา ขยาย เพื่อให้รายได้เข้ามามากที่สุด โทรศัพท์ที่กะหน่ำเข้ามือถือวันละหลาย 10 ครั้งทำให้คนรับเกิดภาวะสับสนตึงเครียด แทนที่จะคิดว่าจะหาเงินจากทางไหนเพื่อนำมาผ่อนชำระหนี้สินบรรเทาเบาบางลง
กลายเป็นต้องมาผวาเพราะบรรดาโทรศัพท์ที่โทรเข้ามา และเข้าใจด้วยว่าทำตามหน้าที่ ขาดกะจิตกะใจในการทำงาน หลังจากนั้นก็มีการหยิบยืมจากเพื่อนฝูง ที่อยู่รอบข้างเพื่อนำมาบรรเทาในแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ผิด กลายเป็นหนี้สินเพิ่มมากขึ้น จนคนที่เคยหยิบยืม ช่วยไม่ไหวเบือหน้าหนี หลังจากนั้นก็เกิดการผิดนัดชำระมากขึ้นวิธีการทวงหนี้จึงแปลกขึ้นกว่าเดิม
เริ่มจากโทรเข้าที่ทำงานฝากเรื่องไว้กับคนรับสาย “กู้แล้วไม่จ่ายจำนวนหลักหมื่น หลักแสน“ แล้วต่อจากนั้นก็เริ่มโทรไปตามบุคคลอ้างอิง เล่าสารพัดเรื่องโกงบริษัทที่กู้ไปบ้าง ใช้เอกสารปลอมกู้ไปบ้าง ถ้าไม่ชำระญาติต้องติดแบล็กสิสต์ไปด้วย ทำเอาหมดพี่น้องไปด้วย อย่างนี้ใครจะเอาไปอยู่ด้วย
จากที่เคยเป็นคนมีเครดิตในสายตาคนอื่น เป็นคนที่ทุกคนลงความเห็นว่าตั้งใจทำมาหากิน กลายเป็นจำเลยของคนรอบข้างที่เฝ้าถามว่าปัญหาเกิดขึ้นมาเพราะอะไร จนกลายเป็นตำนานการจากไป โดยคนข้างหลังยังมีคำถามคาใจว่า ทำไมต้องตายเพื่อ…………อะไร
บันทึกไว้ 5 เมษายน 2549
สาม สอเสือ