สิ่งที่เห็นและเป็นไป
หลายวันก่อนเขียนคอลัมน์ออกมาด้วยความเครียดโชคดีมีที่ระบาย เพราะเป็นเว็บของตัวเอง ก็เลยเขียน ๆ ๆ แล้วก็เขียน ความจริงเรื่องการเมืองอยากจะเขียนโวยวายมาตั้งแต่ กลุ่มพันธมิตรเริ่มชุมชุนกันแล้วครับ ไม่ชอบใจตั้งแต่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล จัดเวทีที่สวนลุมฯ จริง ๆ แล้วเริ่มไม่ชอบรายการของคุณสนธิ ตอนออกช่อง 9 ช่วงหลัง ๆ ก่อนถูกถอดรายการเพราะเริ่มพูดอะไรแหม่ง ๆ พูดให้เกิดความขัดเแย้งในสังคม ผมนี่แฟนรายการตัวจริงครับดูเกือบทุกตอนวันศุกร์ หัวค่ำผมจะไม่ไปไหนดูทุกครั้งซื้อหนังสือของคุณสนธิมาอ่านถ้าจำไม่ผิด 2 เล่ม ยังแบ่งให้เพื่อนอ่านด้วย เพราะว่าร่วมอุดมการณ์เดียวกัน แต่บอกตามตรงกลัวไม่กล้าเขียนถึงเรื่องชุมนุม เดี๋ยวจะหาว่าเข้าข้างรัฐบาล เพราะสังคมถูกแบ่งเป็น 2 ฝ่าย โดยเฉพาะผมเองวันนั้นก็ไม่รู้ว่าคนรอบข้าง ที่ผมรู้จักอยู่ฝ่ายไหนกันบ้าง จะทำตัวเป็นจิ้งจกเปลี่ยนสีก็ไม่ดี ก็เลยไม่เขียนถึงดีกว่า ถึงวันนี้ทุกคนลดโทนความตึงเครียด เรื่องการเมืองลงมาบ้าง ก็เลยอยากเขียนถึง
คอลัมนิตส์หนังสือพิมพ์หลายฉบับบางคนก็ทำตัวเป็นพหูตูบ (ไม่ใช่พหูสูตร) รู้ทุกเรื่องด่าทุกท่า อ่านไปเซ็งไป อย่างเรื่องกลุ่มชุมนุมพันธมิตรไปปิด กกต.ห้ามคุณวาสนา ออกจากอาคารทำเอาตึงเครียดกันไปหมด คอลัมนิตส์เขียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นักจัดรายการวิทยุบางคนก็ออกแนวเดียวกันคือ เห็น กกต.เป็นกิ้งกือไส้เดือนใครทำอะไรก็ได้ ใครว่างลองกลับไปอ่านบทความช่วงนั้น ในหนังสือพิมพ์หลายฉบัย พอกลุ่มผู้ชุมนุนเชียร์รัฐบาล ซึ่งเห็นแล้วเป็นกลุ่มคนจนกว่ากลุ่มแรก ไปปิดสำนักงานหนังสือพิมพ์คมชัดลึก คราวนี้จะเป็นจะตายกันหมด เหมือนกับประเทศไทยอยู่ไม่ได้แล้วคุกคามสื่อ นักวิชาการ วิชาเกินก็เอากับเขาด้วย ผมว่าใครคุกคามใครผมว่าประเทศก็ไม่น่าอยู่ทั้งนั้นแหล่ะครับ สื่อควรจะอัดด้วยปากกา ผู้คุกคามคนอื่นไม่ว่าฝ่ายไหน คุณไม่มีสิทธิ์ไปละเมิดคนอื่นเขา ที่ผมเขียนถึงเพราะผมรู้ ผมเคยอยู่ในแวดวงนักหนังสือพิมพ์ไม่น้อยกว่า 17 ปีเห็นมาไม่ใช่น้อย คิดว่าตัวเองถูก คนอื่นผิดนี่แหล่ะนักข่าวของแท้ ผมเองก็เคยเป็น จนถอดหัวโขนแล้วถึงรู้ว่า ที่เคยคิดเคยทำมองตัวเองย้อนไปในอดีตบอกตัวเองว่าโง่งมจริง ๆ พับผ่า
จากที่เป็นคนอ่านบทความการเมือง ฟังวิเคราะห์การเมืองทั้งวิทยุ โทรทัศน์ เกือบทุกครั้งที่มีโอกาส ก็เลยเว้นวรรคไปอ่านข่าวดารา ดูละครฟังวิทยุคลื่นเพลง ทั้งฝรั่ง ไทยสากล ไทยลูกทุ่ง จนคนรอบข้างเริ่มเห็นว่าแปลก บอกตามตรงเครียดไปกับเขาด้วย จนทุกวันนี้สติเรื่องการเมืองยังไม่กลับ ไม่อ่านไม่ดูไม่ฟังไม่รับรู้ อ่านแต่ข่าวเศรษฐกิจ อ่านตำราบัญชี ตำราการตลาด กฎหมายออกใหม่โดยเฉพาะภาษี อ่านหนังสือธรรมะที่ไม่ลึกมากคำสอนง่าย ๆ อ่านข่าวดารานักร้องคุยสนทนา กับผู้สอบบัญชีบ่อย ๆ ชีวิตมีความสุขเพิ่มขึ้น คุยกัน ไม่ใช่เรื่องบัญชีและก็ไม่ใช่การเมือง เพราะกลัวตั้งอยู่คนละฝ่าย ก็เลยจะไปพูดถึงออกแนวธรรมะแต่งเติมชีวิตตัวเอง
ถ้าหากสังคมไม่เบียดเบียนกันทุกคนทำตามหน้าที่ ผมจำคำครูสอนได้สมัยเรียนมัธยม เด็ก ๆ เรียกอาจารย์แม่ ครูบอกผมว่า “ถ้าทุกคนทำงานตามหน้าที่ให้ดีที่สุด และมีความสุขกับการทำงาน ไม่ว่าคุณจะเป็นคนล้างส้วมก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดสังคมก็จะน่าอยู่” อีกคำที่ถูกสอนว่า “คนมีกุญแจอยู่ 10 ดอกติดตัวมาถ้าเราพร้อมจะไข มันจะไขได้ทุกอย่าง นั่นก็คือการพนมมือไหว้คนอื่น” อีกคำสอนบอกว่า “มีคนเดินมาหาเราสิบคน มีคนหนึ่งสามารถเป็นอาจารย์เราได้ แม้แต่ขอทานเพราะบางครั้งเขามีข้อคิดดีกว่าเรา ที่เราคิดว่าเก่งกว่าเขา” คำ ๆ นี้เตือนผมเสมอว่าอย่าดูถูกคนอื่น
กระซิบดัง ๆ คำสอนนี้ผมใช้มาไม่น้อยกว่า 25 ปีแล้วครับ
บันทึกวันที่ 8 มิถุนายน 2549
สาม สอเสือ