อ่างปลาหรือกะลาลอยน้ำ

เช้าวันหนึ่งผมตื่นขึ้นมาเห็นปลาหางนกยูงนอนตายอยู่กับพื้น รู้ว่ามันคงกระโดดออกจากอ่างปลาที่วางอยู่หน้าออฟฟิศ ย้อนกลับไปเมื่อคืนด้วยความที่ฝนมันตกหนัก ทำให้หน้าออฟฟิศเลอะเทอะ ด้วยคราบดินที่กระเด็นมาติด ตามด้วยใบไม้ที่ปลิวว่อนหลุดตกมาที่พื้น ผมก็เลยล้างด้วยการฉีดน้ำ และก็ขัดเล็กน้อย นอกจากนั้นก็ไปเพิ่มน้ำในอ่างปลาหางนกยูง

อ่างปลาเป็นอ่างดินเผาแบบไม่ได้เคลือบน้ำยา น้ำจึงซึมตามรูพรุนของเนื้อดินเผาตามธรรมชาติ ทำให้เกิดเฟิร์นและตะไคร่น้ำเกาะเขียวดูสวยไปอีกแบบ เหมือนที่นักแต่งสวนชอบใช้ทำให้บรรยากาศร่มครึ้ม

หลังจากเห็นปลาหางนกยูงตาย 1 ตัวทำให้ผมเกิดความคิด อยากจะเขียนเรื่องนี้ ความจริงแล้วหน้าออฟฟิศผมก็มีบ่อปลาทอง แต่สาระสำคัญของเรื่องมันไม่ใช่ปลาหางนกยูง หรือปลาทอง แต่เป็นวิธีคิดของมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่งเท่านั้น

ถ้าเราลองตั้งข้อสังเกต การที่ปลาหางนกยูงกระโดดออกจากอ่างปลาจะด้วยอะไรก็แล้วแต่ ถ้ามองสนุกๆ เปรียบเป็นคนๆ หนึ่ง เขาอาจจะเบื่อที่อยู่ในที่จำเจ วนว่ายอยู่ในอ่างน้ำชนผนังอ่างทุกวันจนรู้หมดแล้วว่าตรงไหนมีอะไร เปรียบกับคนในสังคมเขาก็อยู่ในความจำเจบางคนพอใจ แต่บางคนก็อยากพบสังคมใหม่ โลกใหม่ วิธีคิดใหม่ แล้ววันหนึ่งเขาเกิดเปลี่ยนใจกระโดดออกมาจากสิ่งที่จำเจ โดยที่เขาไม่รู้ว่าจะมีอะไรข้างหน้า จะพบโลกใหม่หรืออันตรายถึงชีวิต เขาเรียกพวกอินดี้

ผมยกเรื่องนี้มาปรับใช้ชีวิตในการทำงาน รวมถึงการใช้ชีวิตในสังคม ไม่ว่าคุณทำงาน หรือกำลังเรียน แล้วมุมมองของผมก็เปลี่ยนไป จากหนังสือเล่มหนึ่งที่ผมเคยอ่านมานานมากกว่า 15 ปี “ใครเอาเนยแข็งของฉันไป” มันทำให้ธุรกิจผมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มองไปข้างหน้ามองไปให้ไกล ด้วยใจและข้อมูล

คราวนี้เปลี่ยนสถานการณ์บ้างปลานกยูงตัวเดิม ติดอยู่ในกะลาลอยน้ำในบึงใหญ่ ปลาตัวนั้นก็ไม่รู้หรอกโลกภายนอกเป็นอย่างไร ก็ยังคงว่ายวนอยู่ในกะลา ถ้าปลาตัวนั้นพอใจก็ว่ายวนไปใช้ชีวิตแบบไม่ต้องคิดอะไรในกะลา กินตะไคร่น้ำ บางวันโชคดีมียุงมาไข่ก็ได้ลูกน้ำแสนโอชะมาครอบครอง กินหมดก็ว่ายวนไปวนมาต่อ รอยูงตัวต่อไปมาไข่ให้เกิดลูกน้ำ แต่ถ้าปลาหางนกยูงตัวนั้นเกิดคิดใหม่ เริ่มเบื่อที่จะว่ายวนซ้ำซากในที่เล็ก ๆ จึงตัดสินใจกระโดดออกจากกะลา โดยไม่รู้เหมือนกันว่าโลกภายนอก กับโลกเดิมๆ ที่คุ้นชินจะพบกับอะไร แต่ปรากฎว่าสิ่งที่ปลาหางนกยูง ได้พบการกระโดดออกมาจากกะลา กลายเป็นบึงกว้างใหญ่โลกใบใหม่ อิสระกว่าเดิม มีอาหารมากมายกว่าเดิม แต่อาจจะมีอันตรายบ้างจากปลาใหญ่กว่าคอยกัดกินปลาเล็ก

เปรียบกับคนและวิธีคิดในสังคมปัจจจุบัน โลกแห่งเทคโนโลยี มนุษย์สามารถมองเห็นได้มากกว่าปลามากนัก คือมนุษย์สามารถกระโดดออกมาได้เลย แต่รู้ว่าเสี่ยงแค่ไหนกี่เปอร์เซนต์ เพียงแค่คุณมีกำลังใจเต็มเปี่ยม และพร้อมจะก้าวข้าม คุณจะพบโลกใหม่อีกแบบ แต่ถ้าคุณมองเห็นแล้ว คุณรู้แล้วแต่คุณไม่มีกำลังใจพอที่จะก้าวข้ามเพราะกลัวในสิ่งใหม่ ในสังคมไทยเขาจึงมีคำเปรียบเปรยว่า กบในกะลา

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจ เรื่องการใช้ชีวิต สังคมมุมมอง ไม่มีใครบอกใครได้ว่าคุณควรออกหรืออยู่ที่เดิม คุณต้องตัดสินใจเอง ต้องใช้กำลังใจจากตัวคุณเอง

โลกใหม่มันรอเราอยู่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลง ข้อมูลข่าวสารทั่วโลกไหลวนเป็นน้ำที่เชี่ยวกราก มีทั้งขนมหวานและของขม มีอิสระแน่นอนมีอันตรายบ้างเช่นกัน

ผมจะพูดว่าแค่เราหยุดแล้วมองเฉยๆ เรากำลังถูกโลก และสังคมโลกทอดทิ้ง ในการตลาดยิ่งเร็วกว่านี้หลายเท่าหรือเรียก พลวัต ก็ได้ มากกว่าสังคมบัญชีจะว่าบัญชี ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยก็ไม่ใช่เพราะเราต้องรับมาตรฐานใหม่ ที่เป็นมาตรฐานใหม่ของโลกอยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกัน เราปิดประเทศปิดตัวเองไม่ได้หรอก

ความเชื่อมโยงของบุคคล ครอบครัว บ้าน เมือง สังคม ประเทศ จนไปถึงโลกมันสัมพันธ์โดยภาระหน้าที่

ถ้าคุณเป็นปลาตัวน้อยคุณพร้อมจะกระโดดออกมาหรือไม่

เป็นสิ่งที่คุณต้องตัดสินใจเอง

บันทึกไว้ 1 พฤศจิกายน 2555

สาม สอเสือ