สัปดาห์ที่แล้วผมต้องไปพบเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร พื้นที่ 15 แถวถนนพระราม 2 เป็นตัวแทนลูกค้าใหม่ 2 บริษัท บังเอิญอยู่ทีมเดียวกันก็เลยสะดวก ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่วันนัดของเจ้าหน้าที่ เพราะวันนัดผมติดธุระอื่น หรือไม่มีอารมณ์เข้าพบก็ไม่ทราบ ผมโผล่เข้าไปหาเจ้าหน้าที่ตามที่ไม่ได้นัด บังเอิญมีผู้เสียภาษีที่ให้ปากคำก่อนหน้าซึ่งต้องรอ

ช่วงนั้นเวลาประมาณ 11 โมงเศษ ผมก็เลยบอกเจ้าหน้าที่จะมาพบใหม่ช่วงบ่ายโดยทิ้งเอกสารของลูกค้าไว้หลายแฟ้ม ความตั้งใจแรกว่าจะไปหาลูกค้าแถวนั้นอีกราย โทรไปแล้วไม่อยู่ก็เลยไม่รู้จะพูดคุยกับใคร เลยตัดสินใจเดินข้ามสะพานลอย ข้ามถนนพระราม 2 ไปห้างฯเซ็นทรัล ผมเดินแบบช้า ๆ ช้ามากด้วยอารมณ์เหงาบอกไม่ถูก มันมีเรื่องอยู่ในหัวที่เรียงลำดับไม่ได้ เปิดเผยไม่ได้อีกกองพะเนิน เดินไปช้า ๆ ในห้างจนมาสิ้นสุดที่ร้านหนังสือ ซึ่งผมสรุปตัวเองแล้วว่าอารมณ์แบบนี้อ่านหนังสือดีที่สุด แล้วจะเลือกหนังสืออะไรดี สรุปตัวเองแบบยังไม่มีคำตอบ เดินทางไปทางหนังสือเกี่ยวกับกฎหมายประมวลรัษฎากร อ่านแต่สันปกโดยไม่ได้สรุปว่าสนใจอะไร เดินไปทางชั้นหนังสือเกี่ยวกับบัญชีอ่านสันปกเช่นเดิม ก็ไม่ได้หยิบจับอะไรเหมือนอ่านฆ่าเวลา ให้เวลามันเดินไปรวดเร็วยิ่งขึ้น ไปยืนอ่านหนังสือเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ก็ไม่ได้ซื้อ จนตัดสินใจได้ว่าอยากได้หนังสือเล่มไม่ใหญ่มาก และก็ไม่แพงมาก ผมไปหยิบหนังสือมาเล่มหนึ่งของ พระ ว. วชิรเมธี เล่มละ 99 บาทซึ่งผมอ่านบางส่วนแล้วหน้าชั้นหนังสือ ก่อนซื้อ

หลังจากได้หนังสือมา จะไปอ่านที่ไหน เป็นปัญหาใหม่ที่ต้องขบคิด ผมตรงไปร้านอาหารขายไก่ทอด แบนด์ตะวันตกซึ่งผมตั้งมั่นเอาไว้ว่าอย่างน้อยก็ 2 ชั่วโมงที่ผมสามารถทำลายเวลาได้อย่างมีค่ามากที่สุด ผมสั่งชุดไก่ทอดมา 2 ชิ้น และน้ำอัดลมแบนด์นอก พร้อมกับมันฝรั่งทอดที่ผมเกลียดที่สุด กะเอาว่าจะกินไป อ่านหนังสือไปแต่ก็ทำได้ไม่สะดวกนัก ใครที่เคยกินไก่ทอดคงจินตนาการ ท่าทางผมได้ว่า จะเก้กังขนาดไหน มือข้างนึงถือมีด มือข้างนึงถือซ่อม สรุปว่ากินไปอ่านไปยากเกินความสามารถ จะใช้มือกินข้าง ถือหนังสือข้าง ก็กลัวหนังสือเปอะน้ำมัน ระหว่างที่ต้องพลิกหน้าหนังสือ สรุปแล้วผมรีบลำเลียงไก่เข้าปากอย่างรวดเร็ว เพื่อจะได้อ่านหนังสือแบบช้าๆ ค่อย ๆ กลืนอาหารสมอง

อ่านหนังสือไปดูสิ่งรอบข้างไป หนังสือเล่มนั้นกล่าวถึงวิธีการจัดการกับความโกรธ ซึ่งขณะนั้นผมไม่ได้มีความโกรธติดตัวแม้แต่น้อย เพียงแต่เหนื่อยใจไม่ได้เหนื่อยกาย อ่านไปก็นึกตามไปว่าเราจัดการความโกรธได้ดี หรือมีลักษณะตามที่หนังสือได้กล่าวถึงไว้บ้างหรือไม่ ถ้ามีเราจัดการอย่างไร

ยิ่งอ่านยิ่งสงบ จนรู้สึกสิ่งรอบข้างเริ่มว่างเปล่า นั่งอ่านหนังสืออยู่นานจนใกล้ถึงเวลานัด ผมเดินกลับไปหาเจ้าหน้าที่สรรพากรอย่างช้า ๆ ใช้เวลาในการเดินประมาณ 15 นาทีเป็นอย่างน้อย ในความรู้สึกขณะนั้น ไม่มีอะไรเลย ไม่มีอะไรเลยจริง ๆ มันว่างมากและเวิ้งว้างมาก ตอบตัวเองไม่ได้ว่าในสมองลึก ๆ แล้วมันกำลังเต็มไปด้วยอะไร หรือสับสนเรื่องอะไร

ได้แต่บอกตัวเองเหมือนทุกครั้งที่ผมไหว้พระ “ขอให้ผมมีสติ และสมาธิ” ไม่เคยขอร่ำรวย ผมมีครอบครัวมีพี่น้องแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ทุกคนแยกครอบครัวกันออกมา ผมไม่มีพ่อ และแม่ ซึ่งจากผมไปนานแล้ว

เวลานั้นอยู่ๆ ก็คิดถึงแม่มาก ผมอยากกอดแม่บ้าง ผมอยากให้แม่กอดบ้าง แต่วันนี้ผมไม่มี ผมได้แต่ใช้ความรู้สึกและจินตนาการ ในอดีต ผมอิจฉาคนที่มีแม่ให้กอด และมีแม่มากอด

ผมอยากบอกกับทุกคนที่ยังมีแม่ ให้กลับไปกอดแม่บ้าง และอย่าลืมกอดพ่อด้วยนะ และปล่อยให้พ่อ แม่ กอดเราบ้าง

ก่อนที่ทั้ง 2 คนจะไม่อยู่ให้เรากอด หรือกอดเรา

เพราะมันว่างเปล่าจริง ๆ

บันทึกวันที่ 2 พฤษภาคม 2550

สาม สอเสือ