หานักบัญชีดีๆ ซักคน
วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน 2556 ผมต้องเดินทางไปเป็นวิทยากรทางบัญชี ให้กับบริษัทแห่งหนึ่งพูดคุยกับเจ้าของกิจการประมาณ 60 กว่าราย ซึ่งผมไม่รู้ว่าน่าตา หรือการบรรยายจะเป็นอย่างไรบ้างเอาเป็นว่าคนที่เชิญผมไปคือ อาจารย์วรเศรษฐ์ เมธาอัครพัฒน์ ซึ่งสอนการทำ อีคอมเมิร์ซ (Ecommerce) การทำเสิร์ชเอนจิน ออพติไมซ์ Search Engine Optimization การทำเว็บไซต์ค้าขายทางออนไลน์ http://www.thebiz.in.th/ ซึ่งกลายมาเป็นลูกค้าผมรายล่าสุด
อาจารย์ท่านนี้ได้สอบถามเรื่องบัญชีมาจากหลายแหล่ง หลายคน หลายสำนัก แต่ไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจ ผมเองก็ไม่ทราบว่าผมตอบได้พอใจแค่ไหน แต่ผมก็พยายามอย่างดีที่สุดจนเขาไว้ใจมาเป็นลูกค้าที่ผม
เรื่องมีอยู่ว่าทางสำนักงานบัญชีมีกลุ่มลูกค้าที่ค้าขายทางออนไลน์ เข้ามาหลายบริษัทและกลุ่มคนเหล่านี้ก็เคยเป็นลูกศิษย์ของ อาจารย์วรเศรษฐ์ หลายรายที่ค้าขายบนออนไลน์มักจะพบกับปัญหายุ่งยากเกี่ยวกับระบบภาษี โดยเฉพาะบุคคลธรรมดาจะโดนประเมินภาษีอย่างหนัก โดยมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเงินโอนผ่านบัญชีบุคคล ที่ปรากฎอยู่ในเว็บไซค์
ความจริงเรื่องนี้ผมรู้คร่าวๆ มากว่า 3 ปีแล้วเพื่อนที่อยู่สรรพากรได้มีการส่งข่าวเข้ามาว่า ทางสรรพากรพยายามจัดระบบ หรือเอาพวกผู้ประกอบการบุคคลธรรมดาเข้าระบบ เพราะภาษีจัดเก็บได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย มันยังมีการค้าบุคคลธรรมดาอีกเยอะที่เขาจะจัดระเบียบจัดเก็บภาษี ไม่ว่านายหน้า ขายตรง หรือผู้ค้าอิสระ
ส่วนบนอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นการค้าเกิดใหม่ในโลกออนไลน์ ก็เป็นที่จับตาอย่างมากที่ผ่านมามีการส่งข่าวมาแล้วว่าโดนกันหลายราย บางรายสรรพากรประเมินกันเป็นล้าน ลูกค้าที่มาพบผมโดนเข้าไปเกือบล้านแปดแสนบาท ซึ่งเยอะมากเพราะเขาไม่มีที่ปรึกษาทางด้านบัญชี และอีกอย่างเป็นความรู้เท่าไม่ถึงการ ไม่คิดว่าสรรพากร จะมาพบเจอเขาได้ แล้วมีการประเมินอย่างหนักหน่วง
เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเทคนิคผมไม่ขอเปิดเผยแล้วกัน เพราะผมเตรียมจะไปบรรยายให้ผู้ประกอบการเหล่านั้นได้ฟัง ซึ่งผู้ประกอบการเหล่านั้นก็คงมีสำนักงานบัญชี บริการกันอยู่แล้วผมเองก็ไม่ทราบว่าคำถามจะเป็นอย่างไรลึกแค่ไหน แล้วผมจำเป็นต้องตอบได้มากน้อยเพียงไร เรื่องเหล่านี้บางครั้งมันเป็นองค์ความรู้ประสบการณ์ มุมมองแบบผู้ประกอบการ แล้วมันก็เป็นความลับของแต่ละบริษัท แต่ทุกอย่างมันขึ้นกับองค์ความรู้ องค์ความรู้นะครับไม่ใช่ความรู้จากตำรา
มีหลายครั้งมีผู้ประกอบการที่ไม่ใช่ลูกค้า ได้โทรมาสอบถามผมเองก็ยังตอบได้ไม่หมดเพราะไม่เห็นบัญชี แต่โดยส่วนใหญ่จะไม่ค่อยตอบเพราะตอบเดี๋ยวคลาดเคลื่อน ผมเองยังเคยตั้งคำถามเลยว่าทำไมไม่ถามสำนักงานบัญชีที่ดูแลอยู่ มาถามที่สำนักงานบัญชีของผมแล้วผมจะตอบได้หรือ ตอบได้แต่ก็กลางๆ เหมือนคุณโทรหาคอลเซ็นเตอร์ของสรรพากรนั่นแหล่ะครับ
ผมก็รู้ว่าแต่ละสำนักงานบัญชีเขาก็มีวิธีการทำงานที่เป็นความลับเฉพาะตัว เรื่องเหล่านี้หาจากตำราไม่ได้ ไม่ว่าจะจบปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก เคยสังเกตุมั้ยคนระดับอาจารย์ตามรั้วมหาวิทยาลัย มีความรู้มากมายซึ่งไม่ได้จำเพาะเจาะจงที่วิชาบัญชีอย่างเดียว ในสาขาวิชาอื่นมีมาก ออกมาประกอบกิจการ หลายรายไม่ประสบความสำเร็จ หรือสำเร็จไม่เท่าที่ความรู้ตัวเองมี
ทางธุรกิจมันคงไม่ได้ประกอบไปด้วยคำตอบ 1 บวก 1 เท่ากับ 2 ผมว่านะแล้วแต่มุมมองของแต่ละคน
เมื่อเร็วๆ นี้ไปอ่านเจอบทความหนึ่งเขียนประโยคน่าสนใจ “คำถามสำคัญกว่าคำตอบ”
เขาอธิบายว่าในหนึ่งคำถาม มันมีได้หลายคำตอบ แต่ในหนึ่งคำตอบยังเป็นเรื่องถูกต้องในระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
ยกตัวอย่างใกล้ตัวถ้าเราพูดถึงเกย์ หรือคนที่เป็นชายแต่หัวใจผู้หญิง ถ้ามีคนถามว่าเป็นสิ่งที่ผิดมั้ยเมื่อ 20-30 ปีที่แล้วในโลกที่ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ผมว่าหลายคนตอบว่าเป็นสิ่งผิดเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ แต่คำตอบแบบนั้นใช้ไม่ได้ในยุคนี้ เป็นยุควิทยาการก้าวหน้า เรารู้แล้วว่าคนเป็นเกย์ กระเทย ทอม ไม่ใช่สิ่งที่ผิด เพราะความที่เขามีฮอร์โมนเพศหญิงในตัวผู้ชาย หรือมีฮอร์โมนเพศชายอยู่ในตัวผู้หญิง มันทำให้จิตใจเขาเป็นแบบนั้น
เกย์ ทอม จึงไม่ได้เรื่องเสแสร้งแกล้งทำ เหมือนที่ผมเข้าใจในอดีต แต่เป็นเรื่องของความผิดปกติของฮอร์โมน ซึ่งก็ไม่ใช่สิ่งผิดสำหรับบุคคลที่เป็นเกย์ กระเทย ทอม ดี้
เขียนเรื่องเป็นวิทยากรบัญชี ไหงวนมาเรื่องเกย์ ทอม ได้ น้อ
ผมแค่จะมาเปรียบเทียบให้ฟัง คือการอธิบายบัญชี ถ้าเราใช้ภาษาบัญชีไปคุยกับลูกค้า ผมว่าอย่าไปคุยเลยครับ เขาไม่รู้เรื่องหรอกลูกค้าไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้ แล้วถ้าตอบตามตำราอย่างเดียว ไม่มีข้อเลือก ก็ไม่ต้องตอบหรอกครับ
เหมือนนักบัญชีพยายามไปฟัง วิศวกร ผมว่าเราก็ไม่เข้าใจในภาษาเขาหรอก สมมุติว่าเข้าใจ วิศวกร ก็ไม่ควรมีคำตอบเดียวตามตำราเป๊ะ
เรื่องเหล่านี้มันเป็นเทคนิคการถ่ายทอดไปสู่ผู้ฟัง ให้เขาเข้าใจง่ายในภาษาง่ายใน 1 คำถามเราอาจต้องมีหลายคำตอบ ผมเชื่อแบบนั้น ผู้ประกอบการแต่ละรายต้องไม่ได้รับคำตอบที่เหมือนกัน เพราะแต่ละรายไม่เหมือนกันการทำงานต่างกัน ขนาดขายสินค้าเหมือนกัน คำตอบยังไม่เหมือนกัน มันมีองค์ประกอบอะไรอีกตั้งเยอะในการพิจารณาถึงคำตอบนั้น
แต่ไม่ใช่ตอบส่งเดชนะครับตอบต้องมีหลักการ ตอบกี่ครั้งก็ต้องเป็นคำตอบเดิมหรือคล้ายเดิม เฉพาะผู้ประกอบการรายนั้น คือถ้ามันตอบเหมือนกันทุกกิจการ ผมว่าจบปริญญาตรี เปิดตำราก็ตอบได้แต่มันไร้ประโยชน์
เอาเป็นว่าถ้าผู้ประกอบการมีปัญหาเรื่องบัญชี หรือยังไม่มีปัญหาแต่อยากเตรียมพร้อม คงต้องหานักบัญชีดีๆ สำนักงานบัญชีดีๆ ที่ไว้ใจตอบให้แล้วกันครับ
บทความนี้ไม่ได้โฆษณาชวนเชื่อ หรือผู้อ่านคิดไปตามนั้นก็ห้ามไม่ได้
บันทึกไว้ 30 สิงหาคม 2556
สาม สอเสือ