เที่ยวปาย

ปีใหม่ปีนี้ผมตั้งเป้าจะไปเที่ยวอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตั้งแต่เริ่มต้นมกราคม ปี 2551 โดยไม่ได้คาดคิดว่าจะเป็นสถานที่ฮิตประจำปี เพราะตลอดทั้งปีมีสื่อนำเสนอถึงเมืองปายมากมาย ไม่ว่าโทรทัศน์ วิทยุ นิตยสาร รวมถึงหนังสือพิมพ์เอ่ยถึงปายกันทั่วไปหมด ทำให้ความนิยมมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่บังเอิญผมจองที่พักไว้ล่วงหน้านานแล้วก็เลยไม่ค่อยห่วง ทีแรกก็เอาเป๋เหมือนกัน เพราะกลัวว่าคนแห่กันไปมากจะไม่สนุก แต่ก็ได้ชวนพรรคพวกไว้หลายคนหลายกลุ่ม

เพื่อน ๆ ยกเลิกกันไปหลายกลุ่มเพราะกลัวคนจะแห่แหนกันไปแน่นอำเภอปาย แต่ผมตั้งเป้าไว้แล้วมักจะไม่ค่อยเปลี่ยน ตัดสินใจเอาไงเอากัน ใครไม่ไปผมจะไปบังเอิญได้เพื่อนอีกชุดที่ไปทั้งครอบครัว ซึ่งคิดเหมือนผมเอาไงเอากัน รถติดเป็นติด คนเยอะเป็นเยอะไปว่ากันข้างหน้า ถ้าไม่ไหวค่อยหนี

ปีนี้คนเที่ยวเหนือเยอะจริง ๆ ครับโดยเฉพาะตามดอยไม่ต้องขึ้นไปเลย รถติดยิ่งกว่ากรุงเทพผมลองเสี่ยงเข้าไปแล้วต้องถอยกลับ

ผมไปถึง อำเภอปายตีสี่ ขับรวดเดียวจากกรุงเทพแวะพักตลอดทาง ป้องกันการเมื่อยล้าระหว่างทาง พบกับหนุ่มนักท่องเที่ยวที่มากับสาวอีก 1 คู่ กับรถ 1 คันพบกันที่ปั้มน้ำมันแถวเชียงใหม่ หลังจากเสวนากันแล้ว ก็ขอขับรถตามไปด้วยเพราะมาคันเดียว ส่วนกลุ่มผมมีรถ 2 คันขอเป็นเพื่อนร่วมทางเนื่องจากเวลาค่ำก่อนเช้ามักไม่มีใครขับรถเข้าแม่ฮ่องสอน ถ้าหากไม่ใช่รถในพื้นที่ ด้วยสภาพถนน และสภาพอากาศ ที่คดเคี้ยวแล้วเต็มไปด้วยหมอกตลอดทางที่อยู่บนเขา

ผมใช้ความเร็วพอสมควรขณะอยู่ในทางคดเคี้ยวบนเขา ด้วยความที่ไปเที่ยวดอยทางเหนือบ่อย ก็เลยเคยชินกันการขับรถ การมองการใช้พื้นถนนให้มีประโยชน์สูงสุดในระหว่างการเข้าโค้ง เพื่อนผมอีก 2 คันก็เที่ยวดอยเป็นประจำก็ชำนาญการขับบนเขาทำให้ขบวนของเราขับแบบไม่ต้องรอกันมากนัก

ทรมานที่สุดก็คือหลังจากขับถึงอำเภอปายเวลาประมาณ ตี 4 ทั้งเหนื่อย ทั้งเพลีย และง่วง พวกเราวนหาที่พักตามแผนที่ในมือ ไปเจอร้านขายปาท่องโก๋ อยู่หัวมุมถนนผมไม่ได้จำว่าชื่อร้านอะไร รู้ว่าอร่อยมากปาท่องโก๋โรยด้วยงาดำ หรืออาจจะเป็นเพราะอากาศที่เย็นจับใจเสริมด้วย ปาท่องโก๋ อร่อยเอามาก ๆ ส่วนเจ้าของร้านอัธยาศัยน่ารักตามแบบคนเมืองปาย เพราะผมเคยมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเกือบ 10 ปีที่ผ่านมารู้ว่าอัธยาศัยของคนที่นี่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ที่พักของผมจะอยู่หลังสะพานไม้ไผ่ แต่ไม่รู้ว่าจะขับไปตรงไหนด้วยความมืดและงงทาง แต่รู้อย่างหนึ่งก็คืออยู่หลังวัดป่าขาม หลังจากได้รับคำบอกเล่าจากเจ้าของร้านปาท่องโก๋ ผมก็ขับรถไปถึงที่พักแต่ยังเข้าพักไม่ได้เพราะเจ้าของไม่อยู่ อาศัยนอนแก่วอยู่ล็อบบี้เรียกซะหรู ความจริงแล้วก็คือเพิงพักช่วงกลางวันสำหรับแขก เวลานั้นคิดอย่างเดียวอยากนอนมาก ด้วยความง่วงทำให้ความเย็นในร่างกายเกินพิกัด ขนาดใส่ชุดป้องกันความเย็นแทบจะเป็นแหนมห่อยังเอาไม่อยู่ แต่ด้วยความเพลียทำให้เผลอหลับไปได้ซัก 30 นาทีบนเตียงเอนนอน

ฟ้าเริ่มสางผมเริ่มได้เห็นกิจกรรมในยามเช้าในที่พัก เหล่านักท่องเที่ยวเดินทางมาถึงสะพานไม้ไผ่ที่เต็มไปด้วยสายหมอก พาถ่ายภาพที่ระลึกไว้หลายรูปหลายมุม ภาพที่เห็นถึงแม้จะสวยแต่ผมหมดแรงต้องหาที่นอนซักแห่งเอาแรงไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากันใหม่

ผมกับกลุ่มพ้องเพื่อนหลับไปได้ไม่นานนัก ใจก็เรียกร้องให้ตื่นให้สมกับที่มาท่องเที่ยวเดินทางไกล พวกเราต้องการเสพสภาพแวดล้อมเมืองปายให้มากที่สุด

การใช้ชีวิตสภาพนักท่องเที่ยวของพวกเราก็ไม่ได้ทำอะไรมากนัก เราจะเสพความเงียบ และเฉื่อยชาที่หาในเมืองกรุงไม่ได้

สรุปแล้วเมืองปายยังน่าเที่ยวน่าหลงใหล ถึงแม้ว่าจะเปรียบกับเมื่อครั้งแรกที่ผมไปเยือนไม่ได้ แต่มนต์เสน่ห์ของปาย ไม่ได้อยู่ที่สภาพอากาศหน้าหนาวเพียงอย่างเดียว คนเมืองปายยังคงมีเสน่ห์เหมือนเดิม ไม่ต้องไปสัมผัสกันบนถนนคนเดินนะครับเพราะรู้สึกจะมีแต่คนกรุง

แต่เสน่ห์คนปายอยู่ทั่วไปทั้งตลาดสด และนอกเมือง ไปสัมผัสปายไม่ใช่แค่ร้านกาแฟดัง หรือร้านอาหารชื่อดัง แค่ร้านข้าวแกง ร้านปาท่องโก๋ แม่ค้าในตลาดสด แค่นี้ก็มีความสุขแล้วครับ

ของฝากจากเมืองปายที่คั่นหนังสือหากระดาษสวย ๆ พิมพ์รูปตัดตามตำแหน่งรูปแต่ละใบ เจาะรูตามที่มาร์คเอาไว้ หาเชือกสวยร้อยจะให้ดีเชือกควรหาประเภทป่านปอ

บันทึกไว้ 9 มกราคม 2552

สาม สอเสือ