เรื่องเล่าจากอดีต

บทนำ

ก่อนอื่นต้องขอออกตัว เรื่องที่จะเขียนเล่าหลังจากนี้เป็นเรื่องส่วนตัวอย่างยิ่ง เป็นเรื่องของครอบครัวชาวจีนโพ้นทะเลเล็กๆ แห่งหนึ่ง ที่ประกอบไปด้วยผู้คนหลากชีวิติ ที่ครอบครัวเติบใหญ่ในสภาวะสังคมเมือง ครั้นจะเขียนแต่ไม่เผยแพร่ตามยุคสมัยเขียนไว้อ่านคนเดียว หรืออ่านกันในหมู่เครือญาติจะแล้วจะส่งต่อกันยังไง พิมพ์กระดาษก็เปลืองส่งอีเมล์ก็ไม่ใช่ ใส่ในโซเชียลมีเดียลยิ่งไปกันใหญ่ จะเอิกเกริกไปในสังคมที่มีคนชี้มาก ปากเร็ว สมองช้ากว่านิ้วจิ้ม โดนด่าโดนตำหนิ จะไม่ควรเพราะเป็นเรื่องตระกูลล้วน ๆ ไม่ใหญ่ระดับประเทศ แต่ก็ไม่เล็กจนมองไม่เห็นในสังคมแวดล้อม จะมัวพิมพ์เป็นเล่มกระดาษคงไม่มีอารมณ์ขนาดนั้น และอีกอย่างเป็นเรื่องของยุคสมัย ใครก็มี BLOG กันได้ เขียนในพื้นที่ตัวเอง แต่บังเอิญถูกถ่ายทอดเป็นสาธารณะ อันนี้เข้าใจได้

ผมจึงขอบังอาจใช้เนื้อที่ในเว็บไซต์ของ บริษัท เอ็นเอส เบสท์ จำกัด ของผมเองซึ่งก็มาจากรากเหง้าเดียวกัน ร้านนิวสยาม เปลี่ยนมาจาก ร้านง้วนเฮงหลี สะพานใหม่ ซึ่งเป็นของครอบครัวผมเองเขียนลงตรงนี้ไม่ไปพึ่งพื้นที่ใคร ให้เป็นการรบกวนเนื้อที่ของเว็บอื่นๆ ขออภัยมา ณ ที่นี่

ก่อนจะเข้าเรื่องเนื้อหา เอาเฉพาะชื่อเรื่องก็อลเวงพอสมควร ใครจะเป็นคนคิด ซึ่งแน่นอนผมเป็นคนเขียน ใครจะเป็นคนเดินเรื่องตัวละคร จะหยิบยกจากตรงไหนมา เพราะทั้งผมเป็นคนที่ผมถ่ายทอดออกจากปากกาผ่านไปบนออนไลน์หรือออฟไลน์แล้วแต่ในอนาคต แล้วเหล่าผู้คนแวดล้อมในตระกูล ยิ่งคิดก็ยิ่งงง เริ่มต้นผมคิดเรื่อง “อาม่าเล่าว่า” แล้วก็ตั้งหลาน ผู้ซึ่งใกล้ชิดกับบุคคลในอดีตพอสมควร เนื่องจากการแยกย้ายบ้านของเหล่าสมาชิกครอบครัวสมบัติสุวรรณ ทุกคนแยกย้ายทำ สัมมาชีพตามแต่ถนัด ครอบครัวใหญ่ จึงเป็นเรื่องธรรมดา ผมว่าเป็นวิถีคนเมืองเสียด้วยซ้ำ ใครถนัดทางไหนก็ไปทางนั้น

เรื่องราวทั้งหมดถูกเล่าผ่านปาก น้ำเสียง ถ้อยคำ ผ่านไลน์กลุ่มครอบครัวตัวอักษร มาจากหลายแหล่งข้อมูลในแต่ละโอกาส ผมเองยังไม่รู้ว่าจะสามารถเขียนได้เสร็จร้อยเปอร์เซนต์ ทีเดียวได้หรือไม่ก็คงยากหน่อยเพราะงานก็ต้องทำในสภาวะคนเมือง หากินตามวิถีชีวิตของแต่ละคน อีกทั้งมันเป็นอดีตที่ยาวนานจากชีวิตจริง จากรุ่นสู่รุ่นเกิน 100 ปี ถ้านับน่าจะถึง 4-5 เจเนอเรชั่น อาจจะมาจากเรื่องเล่าบ้าง ผ่านตัวผมเองบ้าง แต่ไม่ปนนิยายแน่เพราะไม่ถนัดเขียน

นอกจากนั้น ยังขาดอีกหลายประสบการณ์ความใกล้ชิด ของผู้คนที่แวดล้อมในช่วงเวลาหนึ่งจำนวนหนึ่ง พี่น้อง หลานๆ ญาติผู้ใหญ่ที่ร่วมอยู่ในความเรียงฉบับนี้ ยังหลับไหลยังไม่ร่วมเหตุการณ์อาจจะเป็นเพราะมันรวดเร็วที่จะเขียนหรือบอกเล่าสำหรับคนอีกเจน เพราะเหตุการณ์มันยาวนานนับหลายทศวรรษ อาจจะลืมเลือน หรือยังไม่พร้อม ร่วมให้ตัวอักษรมันเลื่อนไหลใกล้เหตุการณ์ หรือจะเรียกประวัติศาสตร์ครอบครัวให้ได้มากที่สุด เรื่องเหล่านี้แล้วแต่ความสะดวกเข้าใจได้

การเขียนครั้งนี้ก็คงเป็นข้ออ้างได้ การร้อยเรียงเรื่องราวช่วงเวลา ลำดับเหตุการณ์คงทำไม่ได้ เพราะชุดข้อมูลเรื่องเล่ามาก่อนมาหลัง บทสนทนาผ่านเสียง ผ่านตัวอักษร แต่ละช่วงเวลา โดยไม่สามารถเรียงลำดับเวลาได้แน่นอน เพราะชุดข้อมูลเรื่องราวมาไม่ครบพร้อมกัน

วกกลับมาชื่อเรื่องอีกรอบ ถ้าอาม่าเล่าว่า ก็ควรมาจากหลานคนเดียวซึ่งเป็นลูกพี่ชาย ผมมองเป็นหลานชายตัวโตคนเดียวของตระกูลนี้

แล้วคนท่านอื่นที่เล่าผ่านตัวอักษร และเสียง ยังมีอีกหลายท่านจะตั้งชื่อเรื่องว่า “อาโกเล่าว่า” “พี่สาวเล่าว่า” “พี่ชายเล่าว่า” “พี่สะใภ้เล่าว่า” “หลานเล่าว่า” แล้วบางเรื่องผมก็รู้อยู่ในเหตุการณ์เช่นเดียวกัน จะสับสนโกลาหล ไปกันใหญ่แค่ชื่อเรื่องนะ ตอนนี้ชื่อเรื่องอาจจะยังไม่ได้ข้อสรุป ขอตั้งคร่าวๆ ไว้ก่อน “เรื่องเล่าจากอดีตสมบัติสุวรรณ”

ผ่านปลายปากกาของผม เนื่องจากการเขียนครั้งนี้เป็นรูปแบบ ดิจิตอล ไม่ได้เลียงพิมพ์เป็นหน้ากระดาษ เปลืองหมึกเปลืองกระดาษโลกร้อน สามารถปรับเปลี่ยนถ้อยคำได้ ประโยคได้ สาระคงเดิม ไม่แคร์สื่อ ฮาๆๆ  โลเล จริงๆ คิดไม่จบ เอามันง่ายๆ แบบนี้แหล่ะอ้างไปอย่างนั้น โลกร้อน หรืออ้างโลกสวยดีกว่า เปลี่ยนได้เพื่อมือเรา

เรื่องเล่าครอบครัว ตระกูลชาวจีนโพ้นทะเลอพยพ หนีภัยสงครามความแร้นแค้นแผ่นดินเกิดบรรพบุรุษ มาอาศัยอยู่ในแผ่นดินไทย อายุนับร้อยปี มันต้องมีอะไรน่าอ่านซักบรรทัดน่า เชื่อเหอะ

บันทึกไว้ 29 มีนาคม 2567

สาม สอเสือ