คำถามสำคัญกว่าคำตอบ

ช่วงเดือนเมษายน วันหยุดสงกรานต์ ผมเองก็ไม่รู้จะทำอะไร เวลาว่างเยอะได้แต่อ่านหนังสือเยอะแยะไปหมด ได้หนังสือจากงานสัปดาห์หนังสือมาก่อนหน้าหลายเล่ม เรียกว่าหนังสือแก้เหงาพอสมควร

พวกหนังสือแปลก็อ่านแบบสนุกๆ เป็นคนไม่ติดนิยายจะเรียกว่าไม่ชอบก็ได้ แต่ในอดีตสมัยวัยรุ่นอ่านนิยายจีน แบบเช่ากันหมดร้านอ่านจนไม่เหลือหนังสือที่ชอบให้อ่าน

ตอนนี้นอกจากหนังสือแปลแล้ว ก็อ่านประเภทพัฒนาตัวเองหรือจะเรียกโนว์ฮาวก็ได้

มีคำหนึ่งที่เจอในหนังสือ 2 เล่มได้มั้งคำพูดหรือคำเขียนที่ว่า คำถามสำคัญกว่าคนตอบ ตอนแรกอ่านคำรู้สึกว่าเท่ห์มาก แต่พออ่านไปเรื่อยๆ เออจริง

บางคนอาจเคยได้เจอเหตุการณ์ เวลาเราไปฟังอะไร แล้วการสนทนานั้นผู้พูดบอกว่า ใครมีคำถามอะไรบ้าง หรือสงสัยอะไรบ้าง

คู่สนทนาถาม 1 ประโยคแล้วมีคำพูดที่ว่า “เป็นคำถามที่ดีมาก” อาจจะเป็นเพราะผู้กำลังอธิบายจะได้พูดเพิ่มเติมจากคำถามเหล่านั้น เพื่อขยายความไปก่อนหน้านี้

แต่ในหนังสือไม่ได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าว เขากำลังเปรียบเทียบ “คำถามสำคัญกว่าคำตอบ”

เพราะในหนึ่งคำถาม สามารถมีหลายคำตอบ ยิ่งในบริบทต่างคำตอบจะเต็มไปหมด ไม่ตัดสินผิดถูกจากคำตอบ

โลกของการเรียนรู้ตลอดไป ยิ่งยุคนี้เป็นยุคของความเร็วในการเปลี่ยนแปลง คำถามจึงสำคัญมาก ไม่ว่าอยู่ในวัยไหน เล่มหนึ่งมาจาก “หนุ่มเมืองจันท์” สรกล อดุลยานนท์ มาจากชื่อหนังสือ และอีกเล่มหนึ่งมาจาก ดร.สันติธาร เสถียรไทย ชื่อหนังสือ THE GREAT REMAKE สู่โลกใหม่ เป็นประโยคที่อยู่ในบทความ

ในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ตั้งแต่ช่วงระบาดของโควิดทั่วโลก ธุรกิจบางคนล้มแล้วลุกไม่ขึ้น บางธุรกิจกำลังทยอยล้มลงเพราะความเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ตามไม่ทันโลกใหม่พัฒนาไปทางไหน เรื่องเหล่านี้ต้องฟังต้องอ่านให้เยอะ

ไม่ใช่ธุรกิจที่ผมทำไม่มีความเสี่ยง เสี่ยงเท่าๆ กับธุรกิจอื่น ผมมักจะถามตัวเองเสมอเราจะเดินต่อไปอย่างไร ยิ่งช่วงโควิดระบาดหนักๆ ทั่วโลกในประเทศไทยก็ปิดนู่นปิดนี่ คือความที่ไม่มั่นใจ ในอนาคตธุรกิจ ถึงแม้ว่าผมจะยังไม่ได้รับผลกระทบ มีแต่ขึ้นเป็นกราฟชัน แต่ค่อนข้างระวังตัวโดยเฉพาะเรื่องการใช้เงิน บอกตามตรงกลัว

เหตุการณ์ในอดีตมันหลอกหลอน กว่าจะพลิกฟื้นธุรกิจมาได้จากปี 2540 วิกฤติต้มยำกุ้งของไทย ธุรกิจล้มระเนระนาดไม่ต้องพูดถึงสินทรัพย์ ถูกยึดแล้วยึดอีกยึดจนหมดกว่าจะเอากลับมาได้ใช้เวลาเกือบ 20 ปี ไม่มีการละครชีวิตจริงล้วนๆ

แล้วมาได้อ่านศิลปะแห่งการลุกขึ้นใหม่ มองให้ไกลไปให้กว้าง

ความรู้กลายเป็นสิ่งที่ไม่สิ้นสุด ยุคนี้ความรู้มันบูดเน่าเสียเร็ว เรียนวันนี้ไม่ว่าจากรั้วมหาวิทยาลัย ปริญญาตรี โท เอก อาจไม่ได้ใช้เพราะโลกมันเปลี่ยน แต่การเรียนก็ยังจำเป็นมันเป็นการฝึกเริ่มต้นของชีวิต

เขาว่ากันว่าความรู้มันอยู่รอบตัว และอาจไม่ใช่ตามตำราเสียทีเดียว แต่เป็นคนรอบข้างทีมงาน ครอบครัว ก็เป็นความรู้อย่างหนึ่งได้

สอนให้เราฟังให้เยอะ อ่านให้แยะ เรียนรู้ตลอด ทักษะการเอาตัวรอดอาจจะเป็นเสียงเล็กๆ อยู่ข้างหู หรือหนังสือเล่มเล็กๆ ประโยคน้อยๆ ที่เราอาจจะไม่ได้สนใจ แต่ลองใส่ใจฟัง สนใจอ่าน อาจมีประโยชน์ในอนาคตภายภาคหน้า

คำถามสำคัญกว่าคำตอบเสมอ เป็นคำพูดเท่ห์แต่เราก็ต้องปฎิบัติด้วย

บันทึกไว้ 28 เมษายน 2567

สาม สอเสือ