ตามไปดูปูแป้ง

ผมเองต้องออกตัวอย่างแรงว่าไม่ใช่คนอีสาน แต่อยากเป็นคนอีสานกับเขาบ้างนะครับ น่ารักดีกำลังเล็งสาว ๆ อยู่จะได้เป็นคนอีสานกับเขาบ้างเทศกาลจะได้กลับบ้าน บังเอิญผมเป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิด ไม่เคยย้ายไปอยู่จังหวัดไหนเวลาเทศกาลเห็นเขากลับบ้านต่างจังหวัด ยังอยากจะกลับบ้านบ้าง แต่ต้องเป็นบ้านต่างจังหวัดนะครับ ผมเห็นในภาพยนต์เวลาเขาถ่ายภาพซึ้งๆ ลูกวิ่งกลับบ้านบนคันนา มีพ่อแม่รออยู่กับบ้าน แสงแดดทอลงบนพื้นหลังคาบ้านเป็นสีทองซึ้งจะตายไป อย่างกับมิวสิควีดีโอ คนแถวนั้นถ้าได้อ่านคงบอกว่าผมโง่เต็มประดา อยู่กรุงเทพดีอยู่แล้วเจริญก็เจริญกว่าที่อื่น สะดวกสบาย รัฐบาลไหน ๆ ก็สนใจแต่กรุงเทพ ยกเว้นเลือกตั้ง ผู้แทนก็กลับบ้านไปไหว้กัน ปะหลก ๆ ผมจะทำอย่างนั้น ผมจะทำอย่างนี้ พอจบเลือกตั้งจบหายหัวกันหมด งบประมาณทุ่มที่กรุงเทพเหมือนเดิม คนบ้านนอกหน้าดำกว่าเดิมโดนหลอกแล้วหลอกอีก (น้องคนอีสานในที่ทำงานเป็นคนระบายออกมาเองนะครับ)

วกกลับมาเรื่อง “ปูแป้ง” หรือชื่อเรียกเป็นทางการว่า “ปูทูลกระหม่อม” ได้รับพระราชทานนามโดย “สมเด็จพระเทพ” เมื่อหลายปีก่อนผมได้ไปเห็นสวยงามจริง ๆ ครับ ปูตัวเดียวมีสีเหลือบ ๆ กันหลายสีผมเองก็ไม่ได้นับว่ามีกี่สี อาศัยถามชาวบ้านว่ามีกี่สี ก็ได้รับทำตอบว่า 7 สี ผมลืมบอกไปว่า “ปูทูลกระหม่อม” อยู่ที่ไหน ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้เตรียมเขียน เรื่องที่เขียนคิดได้ก็เขียนเลย “ปูทูลกระหม่อม” หรือชาวบ้านเรียกว่า “ปูแป้ง” เป็นปูที่อยู่ในตำบลนาเชือก อำเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม ผมไม่รู้ว่ามีที่จังหวัดอื่นหรือไม่ แต่ผมไม่สนใจเพราะผมเห็นที่จังหวัดนี้เท่านั้นก็พอ แถมยังเป็นปูที่ขึ้นหน้าขึ้นตาของจังหวัด ไม่ใช่รสอร่อย แต่เป็นเพราะความสวยงามของปู ชาวบ้านแถวนี้ไม่มีใครกล้ากินหรอกครับ เขาว่ามีอาถรรพ์

น้องในที่ทำงานชื่อ “น้องแขก” คนนาเชือกโดยแท้เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้วที่อำเภอนาเชือก มีนายอำเภอมาใหม่ไม่ทราบว่าหล่อเหมือนในละครหรือเปล่า เพ้อถึงคนหล่อตามภาพยนต์นิยม มาอยู่ใหม่ก็อยากจะพัฒนาให้อำเภอดีขึ้น บังเอิญชาวบ้านมาเล่าให้ฟังเป็นปูที่แปลกสวยงาม อยู่ที่ป่าดูนลำพัน ในอำเภอนาเชือก นอกจากปูจะแปลกแล้ว ป่าก็ยังแปลกเพราะนอกป่าเป็นที่แห้งแล้งทั่วไปหมด ยกเว้นในป่าเป็นที่ชุ่มชื้น ดินดำสนิท มีต้นไม้ใหญ่ และก็มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เหมือนโอเอซิส กลางทะเลทราย

นายอำเภอด้วยความที่อยากพัฒนาให้อำเภอเจริญขึ้น ก็เลยจะยกระดับให้มีการท่องเที่ยวเยอะ ๆ จึงสนใจปูแป้ง เรื่องอาถรรพ์ก็เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงนะครับ นายอำเภอคนใหม่ก็เลยเดินทางไป “ป่าดูนลำพัน” เพื่อไปเอาปูแป้งมาดู หลังจากขับรถออกมาได้ไม่เท่าไหร่ รถยนต์เกิดแหกโค้งหน้า “ป่าดูนลำพัน” เสียชีวิต ชาวบ้านก็เลยเล่าลือกันว่าท่านไม่ขอกับ “ศาลปูตา” ที่อยู่ใน “ป่าดูนลำพัน” เสียก่อนเป็นการไม่เคารพสิ่งที่ดูแลรักษาป่า ทำให้ต้องสังเวยชีวิต ชาวบ้านยิ่งเชื่อทำให้ไม่มีใครกล้ากินอีกเลย เล่ากันว่า สมัยก่อนชาวบ้านก็กินปกติ และสาเหตุที่เรียกว่า “ปูแป้ง” เพราะเวลาสุกจะมีสีขาว ไม่เหมือนปูทั่วไปจะมีสีส้ม

เรื่องราวเล่าขานยิ่งดังไปทั่วประเทศในขณะนั้นทำให้เป็นที่สนใจกันทั่วประเทศ “สมเด็จพระเทพฯ” จึงพระราชทานนามตั้งแต่บัดนั้น จนวันนี้ชาวบ้านไม่กล้ากินเพราะกลัวอาถรรพ์ “น้องแขก” เล่าให้ฟังว่าสมัยเด็กชอบเข้าไปนั่งเล่นเพราะเย็น และสงบ ถ้าหากจะดู “ปูแป้ง” ก็มีวิธีไม่ใช่ขุดๆ แต่มีวิธีที่คลาสสิคกว่านั้น ถ้าหากเราเข้าไปจะเห็นเป็นรูปู ลึกและชันจะใช้หญ้าที่ใบตรงซึ่งเป็นอาหารของ “ปูทูลกระหม่อม” แหย่ลงไปในรู ปูจะขึ้นมา แต่ถ้าใช้วัสดุอย่างอื่นปูจะไม่สนใจ ถ้าหากใครแวะเวียนไป อย่าไปทำแบบนั้นเลยครับ เพราะปัจจุบันนี้มีเจ้าหน้าที่จัดการมาให้เราดูแล้ว และการที่เราเหยียบย่ำเข้าไป ยิ่งทำให้ป่าเสื่อมโทรมจากรอยเท้า

ใครที่อยากแวะเวียนไปผมขออธิบายเส้นทางย่อ ๆ นะครับ เริ่มจากตัวอำเภอนาเชือก ซึ่งมีสี่แยกให้ขับรถไปทาง อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย ประมาณ 4-5 ก.ม.ก็จะพบ “ป่าดูนลำพัน” ก่อนกลับแวะสักการะ “พระธาตุนาดูน” ด้วยนะครับเพราะพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัด ถือเป็นการท่องเที่ยววิถีชีวิตของเขา

“น้องแขก” เล่าอย่างภูมิใจมาก ว่าถ้าหากจะไปเที่ยวจังหวัดมหาสารคาม ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางศิลปะวัฒนธรรมอีกเยอะ หาตามหนังสือท่องเที่ยวรับรองไม่ผิดหวังแน่นอน

บันทึกไว้ ปี 24 พฤษภาคม 2548

สาม สอเสือ