หยุดกันได้แล้ว

เกือบ 2 ปี เมืองไทยมีปัญหาเรื่องความขัดแย้งมิได้หยุดทำให้เศรษฐกิจเสียหาย คนทำมาหากินเสียหาย บริษัทห้างร้านเสียหายผมเองก็เสียหาย บอกตามตรงว่าศรัทธาในตัวอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นพิเศษ และก็เลือกพรรคไทยรักไทยมาตลอดรวมทั้งครอบครัว ทั้งตั้งมั่นไว้ว่าถ้าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาทำงานการเมืองอีก ก็ยังคงเลือกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ผมไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหว เพื่อสร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรงอยู่ในขณะนี้

การเมืองไทยมันเหมือนเล่นเกมบนกระดานหมากรุก หมากเกมนี้พรรคไทยรักไทย และทักษิณ เล่นผิดพลาดเดินหมากผิดถูกกรรมการปรับให้แพ้ ไม่ใช่ คมช. อย่างเดียวที่บอกว่าคุณแพ้ แต่มีชาวบ้านอีกไม่น้อยที่บอกว่าคุณควรแพ้ แม้แต่คนที่รักและชอบในไทยรักไทย ผมว่าแพ้ก็คือแพ้ ควรหยุดได้แล้ว ทั้งฝ่ายชนะและฝ่ายแพ้ ทั้งพรรคการเมืองทุกกลุ่ม ฝ่ายพันธมิตร ก็อย่าเหิมเกริมในชัยชนะ เพราะคุณไม่ได้ชนะ ฝ่ายรัฐบาล และคมช. ในฐานะกรรมการที่ทำหน้าที่เป่านกหวีดล้มกระดานครั้งนี้ก็ต้องหยุด และไม่ควรลงมาเป็นผู้เล่นด้วย เพราะที่ผ่านมาบุคคลระดับผู้นำเกือบทุกคนมักเสียคนจากคนรอบข้าง ที่แสดงกิริยาเหิมเกริมเกินไปก็ต้องหยุดเหมือนกันห้ามปรามกันเองบ้าง

เริ่มจากวันนี้ไม่ต้องบอกกันว่าพวกคุณหยุดก่อน พวกเราถึงจะหยุด ผมว่าเริ่มจากตัวเองที่ต้องสั่งตัวเองให้หยุดก่อน แล้วถ้าหากใครไม่หยุดสังคมจะเป็นคนพิพากษาเอง สื่อในเมืองไทยมีเสรีภาพกันอย่างเต็มที่ นักวิจารณ์การเมืองมีเต็มบ้านเต็มเมือง นักข่าวเข้มแข็งก็มีไม่น้อยบนหน้าปัดวิทยุ โทรทัศน์ หรือหนังสือพิมพ์ บุคคลเหล่านี้ องค์กรเหล่านี้จะเป็นผู้ตั้งมั่นอยู่บนความเป็นกลาง คอยเฝ้าสังเกตและฟ้องประชาชน

ทุกคนต้องหยุดพร้อม ๆ กัน ถึงแม้ว่าผมจะไม่ชอบและไม่เคยชอบ ทหารลากรถถังออกมายึดอำนาจ แต่ในเมื่อกติกาสังคมมันยอมรับกันหมดก็ว่าไปตามนั้น

พวกเราต้องปล่อยให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ไม่ว่าจะด้วยรัฐธรรมนูญฉบับไหนก็ตาม ผมเองก็ไม่ได้ชื่นชอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่ก็มีคำตอบอยู่ในใจแล้วด้วยว่าจะรับหรือไม่รับร่างในขั้นลงประชามติ ถึงแม้ว่าผมไม่รับก็ใช่ว่าผมไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง

ธุรกิจเสียหายมากจริง ๆ เพราะทุกคนเลือกที่จะทะเลาะเบาะแว้งเลือกข้างไม่มีใครเลือกข้างประเทศไทย ในฐานะประชาชนร่วมประเทศ ลูกค้ามากมายของบริษัทบัญชีแห่งนี้เห็นชัดเจนเกือบทุกงบการเงินที่ผ่านมา ทุกบริษัทอยู่กันลำบาก และกำลังลำบากมากขึ้นถ้าหากสถานการณ์ยังคงเดินไปในทางรุนแรง

ขอเถอะครับในฐานะคนไทยตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งหยุดได้แล้ว และให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ถ้าหากใครไม่พอใจรัฐธรรมนูญฉบับ คปค. ก็ออกมาเรียกร้องให้มีการแก้ไขอีกครั้งไม่ใช่ การฉีกรัฐธรรมนูญ เราอาจไม่เชื่อในตุลาการรัฐธรรมนูญ ในการตัดสินยุบพรรค และตัดสิทธิ์ทางการเมือง แต่เราต้องเชื่อศาล และความเป็นกลางไม่อย่างนั้นประเทศจะอยู่กับอย่างไร ผมเชื่อว่าทุกอย่างยังมีทางออก ไม่มีใครอยากให้นักการเมืองระดับหัวกระทิ ถูกตัดสิทธิ์ให้ไปยืนข้างเวทีได้นานหรอกครับ

บุคคลที่ทรงความรู้ของคนไทยมีมากมายช่วยกันเสนอทางออก และช่วยกันหาทางแก้ไขปัญหามันจะได้จบ ผมเสนอว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อยากให้ทุกคนที่มีส่วนร่วมกับการเมืองไม่ว่ารัฐบาล ฝ่ายค้าน ตุลาการ ข้าราชการระดับสูง ผู้นำเหล่าทัพ องค์กรกลางต่าง ๆ องค์กรบริหารระดับท้องถิ่น ทุกภาคส่วนควรมีกฏหมายให้เปิดบัญชีทรัพย์สินทั้งสิ้น จะได้เลิกสงสัยกันเสียทีว่าร่ำรวยผิดปกติหรือไม่

แต่ก่อนอื่น และเป็นอย่างแรกขอให้ทุกคนหยุดกันได้แล้วครับ

บันทึกวันที่ 15 มิถุนายน 2550

สาม สอเสือ