อำลาดอนเมือง

ก่อนที่จะมีการอำลาดอนเมืองอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 กันยายน 2549 ไปอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ คิดแล้วเหงาเหมือนกันเนื่องจากผมเองเป็นคนสะพานใหม่ โดยกำเนิด ได้ยินเสียงเครื่องบิน บินผ่านหัวตั้งแต่เด็ก บางครั้งก็รำคาญบางครั้งก็ตื่นเต้น กับเครื่องบินเพราะที่เห็นมันลำใหญ่โตมโหฬาร เนื่องจากเห็นในระยะใกล้ตั้งแต่เด็ก ๆ

วันเด็กทุกปีก็ไปดูเครื่องบิน มีหลานก็พาไปดูเครื่องบิน เพราะจากบ้านเดินทางไปดูเครื่องบินที่กองทัพอากาศตั้งโชว์ไว้ไม่ถึง 3 กิโลเมตรใกล้มาก ๆ ทำให้มีความผูกพันกับสนามบินดอนเมือง และทหารอากาศ อย่างใกล้ชิด
โตขึ้นมาหน่อยบ้านเมืองเจริญขึ้น ตลาดสะพานใหญ่เจริญโด่เด่ อยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้า ถ้านับความเจริญแล้วสมัยนั้นความเจริญ คือมีบ้านมีชุมชุนเป็นหย่อม ๆ เริ่มตั้งแต่ลาดพร้าวเจริญ อยู่ 1 จุดไล่มาถึง 3 แยกเกษตรสมัยนั้นก็เจริญ หลังจากนั้นก็เต็มไปด้วยทุ่งหญ้า 2 ข้างทาง

นอกจากนั้นก็มีต้นก้ามปู หรือที่เขาเรียกกันว่าไม้ฉำฉา ต้นใหญ่เรียงไปตามถนนตลอดเส้นทางถนนพหลโยธิน แต่ถูกตัดไปหมดหลังจากมีการขยายถนน มีชุมชนอีกหย่อมอยู่ที่ตลาดบางบัว ซึ่งถือว่าเป็นตลาดเก่าแก่ของคนระแวกนี้ หลังจากนั้นก็เป็นทุ่งหญ้ายาว ไปเจริญอีกทีและมีตลาดใหญ่ก็คือ ตลาดสะพานใหม่ หรือตลาดยิ่งเจริญ คนที่นี่ ชิน หรือจะเรียกว่า ชา ไม่ทราบได้กับเสียงเครื่องบิน ที่ขึ้นลงอยู่ทุกวัน

เคยตั้งคำถามสมัยเด็กแบบคนไม่รู้ ทำไมสะพานใหม่ มีผู้คนอาศัยอยู่เยอะแยะมากมาย และมีการค้าขายขนาดนี้ ผมว่าเจริญกว่าลาดพร้าว หรือ เกษตร ด้วยซ้ำในสมัยนั้น ทำไมบ้านเมืองดูเก่าแก่และตึกไม่สูงเหมือนในเมือง มารู้ว่าพัฒนาอะไรได้ไม่มากนักกับตึกสูง เพราะเป็นเส้นทางการบินเดี๋ยวเครื่องบินชนตึก

ย้อนกลับมาที่สนามบินดอนเมือง จำได้ว่ากว่าจะได้ใช้บริการสนามบินดอนเมืองก็โตแล้ว แต่จำไม่ได้ว่าสนามบินดอนเมือง ได้เปลี่ยนแปลงอาคารผู้โดยสารเป็นหลังใหม่หรือยัง ถ้าหากใครมีโอกาสย้อนไปดูภาพยนตร์ไทยสมัยเก่าจะเห็นอาคารผู้โดยสารยุคเก่ายุคที่พระเอกนางเอก ยืนโบกมือให้กับเครื่องบิน สมัยนั้นผมมีโอกาสได้ใช้สนามบินก็คือไปส่งพี่ชาย ซึ่งต้องเดินทางไปดูงานที่ประเทศฟินแลนด์หลายเดือน

ผ่านมาหลายปีคราวนี้ได้ใช้บริการเองในฐานะลูกค้าสนามบิน และสายการบิน เพราะต้องเดินทางไปต่างจังหวัดบ้าง และต่างประเทศบ้างแต่เป็นการไปทำงาน กว่า 20 ครั้งโดยสำนักพิมพ์ เป็นผู้ออกตั๋วเครื่องบินให้ (ผู้สื่อข่าว) ส่วนเรื่องบินเองจ่ายเงินเองยังไม่เคยเพราะเสียดายเงินค่าตั๋วแพงมากสำหรับตัวเอง อีกทั้งการเดินทางในประเทศ ยังไม่เคยมีความจำเป็นที่เร่งด่วนในการเดินทาง ผมชอบขับรถยนต์เสียมากกว่าถ้าหากเป็นการเดินทางท่องเที่ยว

ผมยังไม่เคยย้ายถิ่นพำนักของตัวเองจนถึงอายุปูนนี้ ห่างจากสนามบินดอนเมืองเกิน รัศมี 15 กิโลเมตรเลย เพราะฉะนั้นทำให้เสียงเครื่องบินยังเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ถามว่ารำคาญไหมตอบได้เลยรำคาญมาก เพราะช่วงหลังผมย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่ในเขตบางเขนเหมือนเดิม ห่างจากบ้านเดิมของผม รู้สึกจุดนี้มีเสียงเครื่องบิน ที่บินกันตั้งแต่เช้ายันเกือบเที่ยงคืนทุกวัน

การดูโทรทัศน์ไม่ได้อรรถรสต่อเนื่องเท่าไรนัก ถึงแม้ทีวีรุ่นใหม่ และการรับสัญญาณโทรทัศน์รุ่นใหม่ภาพจะไม่ล้ม แต่ด้วยเสียงเครื่องบินที่บินผ่านบ่อย ๆ ทำให้บางครั้งพลาดโอกาสการได้ยินเสียงทีวีช่วงเวลาสำคัญ ต้องอาศัยวิ่งมาหน้าจอทีวี หรือไม่ก็ใช้รีโมตระยะไกลเปิดเสียงทีวีช่วงไคลแมตส์ให้ดังลั่นบ้าน แล้วค่อยหรี่ลงเวลาเครื่องบินผ่าน ทำอย่างนี้เป็นประจำจนติดเป็นนิสัย

อ่านข่าวช่วงนี้เห็นว่าที่ดินรอบสนามบินสุวรรณภูมิกำลังบูม โครงการบ้านจัดสรรหลายโครงการเตรียมเข้าไปจับจอง อ่านข่าวและฟังข่าวได้แต่หัวเราะยินดีที่สนามบินแห่งชาติแห่งใหม่ กำลังจะย้ายไปบ้านใหม่ที่ทันสมัยและโอ่อ่ากว่าของเดิม
หัวเราะแรกอย่างยินดีต่อไปนี้บ้านพักอาศัยแถวเขตบางเขน เขตดอนเมือง คงจะเงียบไปเยอะ

หัวเราะที่สองโครงการบ้านจัดสรรแถวสนามบินสุวรรณภูมิ ที่รองรับผู้โดยสารได้ถึง 45 ล้านคนต่อปีเครื่องบินจะขึ้นลงกันขนาดไหน คนที่จะไปซื้อบ้านแถวนั้นคิดดีแล้วเหรอว่าคุณทนกับเสียเครื่องบินไหว ไม่ใช่ในอนาคตมานั่งประท้วงเสียงเครื่องบิน เพราะเป็นความผิดของคุณเองทั้งนั้นที่ย้ายบ้านไปอยู่ใกล้สนามบิน ทางที่ดีลองไปเช่าอยู่ใกล้แถวนั้นก่อน ถ้าหากคุณทนไหวกับเสียงรบกวนก็ถือว่าคุณสอบผ่าน

อย่าไปเชื่อมากโครงการบ้านจัดสรรใกล้สนามบินสะดวก เพราะปีหนึ่งคุณบินไม่กี่ครั้งแต่คุณต้องนั่งฟังเสียงเครื่องบินทั้งชีวิต ทั้งๆ ที่คุณมีทางเลือกทางอื่น แค่คิดก็หัวเราะให้คุณแล้ว

สุดท้ายนี้ขอโบกมืองาม ๆ อำลาสนามบินดอนเมือง ต่อไปนี้ที่ดินแถวสนามบินสุวรรณภูมิรับช่วงต่อ มีความสุขกับการได้ยินเสียงเครื่องบินนะครับ

บันทึกไว้ ปี 2549

สาม สอเสือ