เรื่องเล่าจากอดีต ง้วนเฮงหลี มา นิวสยาม

หลังจากลงหลักปักฐานค้าของชำในนามง่วนเฮงหลี ตลาดยิ่งเจริญ ขายทุกอย่างในนามร้านขายของชำ เตาถ่านดิน ถ่านไม้ใส่กระชุไม้ไผ่สาน ปัจจุบันจะเป็นกระสอบ หรือถุงสะดวกกว่าสะอาดกับการเก็บมากกว่า ข้าวสาร ตักขายใส่กระสอบป่าน ตักเป็นลิตรเป็นโล น้ำตาล ในกระสอบป่านเช่นเดียวกัน ขายยันบุหรี่เป็นคอตตอน 10 ซองเป็นแบบค้าส่งไม่ได้ขายปลีก จะมีพ่อค้ารับไปขายปลีกกันอีกทีเป็นซองเป็นมวน

พวกเครื่องกระป๋องมีทุกประเภท ปัจจุบันยังมีวางขายทั่วไป เพียงแต่ตราสินค้าถูกออกแบบใหม่ให้ดูเข้าสมัยมากขึ้น สินค้าบางอย่าง คนเมืองอาจจะงง แก๊สก้อนคล้ายก้อนหิน คือ แคลเซียม คาร์ไบด์ (Calcium Carbide) ในอดีตจะใช้กับตะเกียงเจ้าพายุนำไปแช่น้ำจะเกิดแก๊สเพื่อจุดไฟในตะเกียง ต้องเรียกว่าเป็นตะเกียงทนลมในยุคนั้น ยุคที่ไฟฉายผมไม่รู้มีหรือยัง จำความไม่ได้ ประโยชน์อีกอย่างในยุคนั้น สำหรับแก๊สก้อน ใช้ในการบ่มผลไม้ให้สุก ถ้าจำไม่ผิดพวกมะม่วง ทุเรียน ส่วนแบะแซส่วนประกอบอาหารอีกอย่าง จำไม่ได้เอาไปทำอาหารประเภทไหน คุ้นๆ ว่าทำ กระยาสาท กาละแม ในยุคนั้นเป็นอาหารหรือขนมร่วมสมัย ใครมาซื้อจะตักจากปี๊บใส่ถุงขายเป็นกิโล เข้าสืบค้นในเสิร์ชเอ็นจิ้น ปัจจุบันมีขายเป็นถุงสะดวกกว่าเข้าใจว่าน่าจะดูสะอาดกว่า ถ้ามาขายแบบตักจากปี๊บ คนซื้อจะร้องยี้ ดูไม่ทันสมัยในยุคที่แพคเกจจิ้ง เป็นเรื่องสำคัญ

เล่าเรื่องย้อนหลังกว่า 50 ปี สำหรับคนรุ่นใหม่ๆ อายุยังน้อย จะได้จินตนาไปในยุคอดีต จะพอคาดเดาได้ ยุคสมัยโลกเปลี่ยน เทคโนโลยีเปลี่ยน ตามยุคตามสมัยกันแทบไม่ทัน บางคนบางกลุ่มตกยุคตกสมัยกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกเทคโนโลยี โลกดิจิตอล

หลังจากร้านง้วนเฮงหลี กิจการขายของชำ ขายต่อเนื่องจากตลาดบางบัว จนมาตลาดยิ่งเจริญสะพานใหม่ อาแปะ คำเรียกพ่อ ในครอบครัวก็มีการขยายกิจการ ไปทำการค้าประเภทอื่น

ครอบครัวมีบ้านเพิ่มขึ้น หรือจะเรียกว่าร้านก็ได้ เป็นร้านเฟอร์นิเจอร์ ที่หน้าตลาดโรงหนังกรุงสยาม ปี 2511 ผมเองไม่รู้ว่าอาแปะมีความคิดไปถึงเรื่องนี้ได้อย่างไร พี่ๆ ผมน่าจะรู้มั้งเดาเอา ร้านเฟอร์นิเจอร์ ก็ขายโต๊ะตู้เตียงเก้าอี้ ยุคนั้นเป็นยุคไม้ล้วน สารภาพไม่รู้ว่าประกอบกันที่ไหน หรือสั่งจากที่ไหนหรือทำเองทั้งหมดในร้านนั้น จำได้ว่าพี่ๆ ต้องช่วยกันขัดเงาไม้ ยุคนั้นเรียกเดินลูกผ้า กับน้ำยาอะไรซักอย่าง เข้าใจว่าทำให้เนื้อไม้เงาขึ้นแต่ใช้กำลังแขนกันพอสมควรกว่าจะเสร็จงานแต่ละชิ้น

แต่ผมได้ที่เล่นซ่อนแอบแห่งใหม่เล่นในหมู่พี่น้องมั้งจำได้นิดหน่อย จากเดิมเล่นซ่อนแอบที่ตลาดยิ่งเจริญ คือพื้นที่แอบกันทั้งตลาด เล่นกันหมู่มากใครเป็นคนหา หาถึงเช้าก็ไม่ครบแยกย้ายกันไปนอน ไม่ต้องบอกคนหากลับบ้านไปนอนได้เลย มันเหมือนเป็นกิจกรรมเด็กๆ ไม่ต้องการความสำเร็จหรือชนะ เพราะไม่มีทางชนะหายังไงก็ไม่ครบ ด้วยความกว้างของพื้นที่ตลาดยิ่งเจริญ คืนไหนใครเป็นคนหา ถ้าจำไม่ผิดทุกคืนจะได้คนหา 2-3 คน ส่วนคนซ่อนกว่า 10 คนพื้นที่ทั้งตลาด จบคืนดึก พรุ่งนี้เริ่มใหม่ตั้งวงโอน้อยออก หาคนหาใหม่เป็นแบบนี้ทุกคืน ผมได้รับการยกเว้นเพราะเด็กสุดไม่ต้องหาไปซ่อนกันอย่างเดียว พี่ชายเป็นคนพาไปซ่อน

ย้อนกลับมาร้านแห่งใหม่ ร้านเดิมง่วนเฮงหลี ก็ยังดำเนินกิจการเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือ ร้านนิวสยาม จำไม่ได้ว่ามีชื่อเฟอร์นิเจอร์ต่อท้ายหรือไม่ ตั้งอยู่หน้าตลาดโรงหนังกรุงสยาม ไม่เล่าเรื่องการค้านะครับไม่รู้เพราะเด็กมากๆ สนุกอย่างเดียว

2 ร้านดำเนินการค้า แต่ที่พักหลับนอนของครอบครัว ยังคงนอนบ้านเดิมเข้าใจว่าร้านนิวสยาม จะไม่มีที่นอนที่พักเพราะเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ ที่ยังไม่ได้ลงสีในแต่ละชั้น 3 ชั้น

หลังจากผ่านมา 2 ปีมีเรื่องเล่าจากพี่ๆ ที่เจ็บปวดกันมากในยุคนั้น น้องอาแปะ ไม่ขอเอ่ยชื่อครอบครัวพ่อผม อาแปะผมจะเป็นคนโต มีน้องชาย 2 คน และน้องสาว 1 คนซึ่งคือ โกสุรีย์ ที่อยู่บ้านเดียวกันมาตั้งแต่เล็กๆ โตมาพร้อมกัน กับพี่ชายคนโตคือ เฮียช้ง

เกิดเหตุการณ์ มีน้องอาแปะมาขอแลกเช็คเพื่อจ่ายค่าของ เขารับเหมาก่อสร้างเข้าใจว่าหลายแสนจำตัวเลขไม่ได้เขารับปากวันขึ้นเช็คจะเอาเงินมาเข้าบัญชีให้ ด้วยความรักในน้องและเชื่อใจก็เลยให้ไป ไม่ได้เอะใจเพราะค่าใช้จ่ายร้านง่วนเฮงหลี และร้านนิวสยาม ก็มีที่ต้องเข้าเงิน ธนาคารตามดีลหน้าเช็ค สุดท้ายเขาหนีทางพ่อผมก็ไม่มีเงินเคลียร์เช็คตัวเองเพราะจ่ายค่าใช้จ่ายในร้านไปหมดแล้ว สุดท้ายโดนจับขังคุก 1 คืน ทั้งที่ไม่ใช่คนก่อปัญหา อาแหมะต้องวิ่งหาเงินประกันตัว

คนจีนเสื่อผืนหมอนใบทำมาหากินตั้งตัวในเมืองไทย เพื่อสร้างครอบครัวภาระเต็มมือ ติดคุกเพราะเช็คเด้งทั้งๆ ที่ไม่ได้เรื่องของตัวเอง เหตุการณ์วันนั้นทำให้ร่างกายทรุดโทรม โรคอะไรที่ซ่อนตัวอยู่มันโผล่มา จากกำลังใจที่ถดถอยหดหู่หวาดกลัว อาแปะเสียชีวิตในปลายปี 2513 สิริอายุ 43 ปี โดยหมอวินิจฉัยตามทะเบียนคนตายว่า มะเร็งตับ ไม่ดื่มเหล้าไม่สูบบุหรี่ เป็นเรื่องที่โกรธแค้นกันทั้งบ้าน อาแหมะ ตัดพี่ตัดน้องทางฝั่งอาแปะทั้งหมด ตั้งแต่วันที่เช็คเด้งและต้องติดคุก ผมเลยไม่ค่อยรู้จักทางฝั่งอาแปะหรือพ่อมากนัก เพราะยังเด็กมาก

เพิ่งมารู้ความจริงในปี 2567 นี่เองก่อนเขียนบันทึกนี้ไม่นาน เพราะบุคคลต้นเรื่องเสียชีวิต ผมเองได้รับการร้องขอให้ไปร่วมงานศพ กับ เจ๊หมวย พี่สาว เหตุการณ์ต้องเรียกว่ารุนแรง ช็อคครอบครัวผมมาก การสูญเสียเสาหลักของบ้านในระหว่างลูกๆ ยังเล็ก ย่อมมีการดูถูกจากคนรอบข้างว่า เก๊กบ๊วย (อาแหมะ) ล้มแน่นอนเอาตัวไม่รอด เพราะสังคมสะพานใหม่ไม่ได้กว้างใหญ่เหมือนทุกวันนี้ เฮียช้ง 18 เจ๊หมวย 17 เฮียใหญ่ 15 เฮียเล็ก 14 เฮียน้อย 9 และผมนิด 7 ขวบ ยังถือว่ายังเด็กมากๆ ความจำเลยกระท่อนกระแท่น

วกกลับมาเรื่องเดิม เหตุการณ์กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้นตามที่ชาวบ้าน เพื่อนบ้าน นินทาว่าล้มแน่คนตระกูลนี้ ด้วยความสู้ และมุมานะของแม่ ถ้าเข้าใจวันเวลาไม่ผิดมีการปล่อยเซ้งบ้านตรงร้านง่วนเฮงหลี ตลาดยิ่งเจริญ แล้วเอาเงินทั้งหมดประมาณ 3 แสนกว่ามากลบหนี้เงินกู้บ้านร้านนิวสยาม ตลาดโรงหนังกรุงสยาม ทำให้ครอบครัวปลอดหนี้ปลดภาระทันที จึงรอดพ้นจากการล้มเหลวทางด้านการเงินไปอย่างฉิวเฉียด เราเริ่มต้นชีวิตใหม่กับ ร้านนิวสยาม เฟอร์นิเจอร์ และย้ายมาพำนักกันที่ใหม่

จุดเริ่มต้นเฟอร์นิเจอร์ จุดเริ่มต้นร้านนิวสยาม เริ่มจากจุดนี้

ผมยังเอาชื่อนิวสยามมาตั้งชื่อบริษัท ที่ตัวเองทำอยู่จนทุกวันนี้ด้วยความภาคภูมิใจ

บันทึกไว้ 24 มิถุนายน 2567

สาม สอเสือ