Bookkeeping Hot Request part IX
81.มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการรับรู้การด้อยค่าของสินทรัพย์ ดังนี้
1.เมื่อมีการตีราคาสินทรัพย์แล้วพบว่า ราคาที่ประเมินใหม่มีราคาตามบัญชี ที่สูงกว่าราคาที่ประเมินใหม่ แล้วจะต้องรับรู้ขาดทุนเกี่ยวกับการตีราคาของสินทรัพย์ หรือรับรู้เป็นขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์
2.ขาดทุนจากการตีราคาของสินทรัพย์ กับ ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์แตกต่างกันอย่างไร
3.เมื่อสินทรัพย์มีการตีราคาใหม่ พบว่าราคาตามบัญชีของสินทรัพย์สูงกว่าราคาที่ตีใหม่ จะไม่รับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
4.เมื่อจะพิจารณาว่าสินทรัพย์มีการด้อยค่าหรือไม่ แล้วการตีราคาสินทรัพย์นั้นๆ พบว่าราคาที่ตีใหม่ สูงกว่า ราคาตามบัญชีของสินทรัพย์ จะต้องรับรู้เป็นส่วนเกินทุนจากการตีราคาทรัพย์สินหรือไม่
ตามมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 32 เรื่องที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ได้กำหนดแนวทางอาจเลือกปฏิบัติโดยกิจการ อาจแสดงด้วยราคาที่ตีใหม่ ได้ โดยกิจการต้องบันทึกบัญชีรับรู้ผลต่าง จากการตีราคาสินทรัพย์ใหม่ของกิจการ ดังนี้
1.กิจการต้องบันทึกราคาตามบัญชีของสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น จากการตีราคาใหม่โดยตรงไปยังส่วนของเจ้าของภายใต้บัญชี “ส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์” อย่างไรก็ตามหากสินทรัพย์นั้นเคยมีการตีราคาลดลง และกิจการรับรู้ราคาที่ลดลงเป็นค่าใช้จ่ายในงวดก่อนแล้ว ส่วนที่เพิ่มจากการตีราคาใหม่นี้ ต้องรับรู้เป็นรายได้ไม่เกินจำนวนที่เคยลดลงซึ่งได้รับรู้เป็นค่าใช้จ่ายในงวดก่อน
2.กิจการต้องรับรู้ราคาตามบัญชีของสินทรัพย์ที่ลดลง จากการตีราคาใหม่เป็นค่าใช้จ่ายทันที อย่างไรก็ตาม หากสินทรัพย์นั้นเคยมีการตีราคาเพิ่มขึ้น และยังมียอดคงค้างอยู่ในส่วนของเจ้าของ ส่วนที่ลดลงจากการตีราคาใหม่ต้องนำไปหักออกจาก “ส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์” ได้ไม่เกินจำนวนซึ่งเคยตีราคาเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ รายการเดียวกันส่วนที่เกินให้รับรู้เป็นค่าใช้จ่ายทันที สำหรับเรื่องการด้อยค่าของสินทรัพย์ ตามมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 36 แตกต่างจากการตีราคาสินทรัพย์ คือต้องมีข้อบ่งชี้ที่เป็นการลดค่าของสินทรัพย์อย่างถาวร โดยกำหนดให้ ณ วันสิ้นสุดงวดบัญชี กิจการต้องประเมินว่าสินทรัพย์ที่มีอยู่ เกิดการด้อยค่าหรือไม่ หากกิจการพบว่ามีข้อบ่งชี้ที่ทำให้เชื่อได้ว่าสินทรัพย์อาจเกิดการด้อยค่า กิจการต้องประมาณมูลค่าที่คาดว่าจะได้รับนั้น
ข้อบ่งชี้สำหรับการประเมินว่าสินทรัพย์อาจเกิดการด้อยค่า
1.แหล่งข้อมูลภายนอก เช่น
1.1 ราคาตลาดของสินทรัพย์ลดลงอย่างเป็นสาระสำคัญในระหว่างงวด โดยจำนวนที่ลดนั้นสูงกว่าจำนวนที่คาดว่าจะลดลงตามเวลาที่ผ่านไป หรือการใช้งานตามปกติ
1.2 มีการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบทางลบต่อกิจการ ในระหว่างงวดหรือในอนาคตอันใกล้อย่างเป็นสาระสำคัญ
1.3 อัตราดอกเบี้ยในตลาดหรืออัตราผลตอบแทนอื่นในตลาด จากการลงทุนของงวดนั้นเพิ่มขึ้นจนน่าจะมีผลกระทบต่ออัตราคิดลดที่จะใช้ในการคำนวณ มูลค่าจากการใช้สินทรัพย์ ทำให้มูลค่าจากการใช้สินทรัพย์ และทำให้มูลค่าที่คาดว่าจะได้รับคืนของสินทรัพย์ นั้นลดลงอย่างเป็นสาระสำคัญ
2.แหล่งข้อมูลภายในเช่น
2.1 มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่าสินทรัพย์นั้นล้าสมัยหรือชำรุดเสียหาย
2.2 มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับลักษณะ ที่กิจการใช้หรือคาดว่าจะใช้สินทรัพย์ ซึ่งส่งผลกระทบทางลบต่อกิจการในระหว่างงวดหรืออนาคตอันใกล้ อย่างเป็นสาระสำคัญ หากสินทรัพย์ของกิจการ มีข้อบ่งชี้ว่าจะด้อยค่า กิจการต้องรับรู้รายการขาดทุนจากการด้อยค่า เป็นค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุนทันที และบันทึกลดราคาตามบัญชีของสินทรัพย์ให้เท่ากับมูลค่าที่คาดว่าจะได้รับคืน พร้อมทั้งต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการด้อยค่าของสินทรัพย์ด้วย ทั้งนี้ ท่านสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากมาตรฐานการบัญชีดังกล่าว
——————
82.มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการรับรู้การด้อยค่าของสินทรัพย์ ดังนี้
1.เมื่อมีการตีราคาสินทรัพย์แล้วพบว่า ราคาที่ประเมินใหม่มีราคาตามบัญชี ที่สูงกว่าราคาที่ประเมินใหม่ แล้วจะต้องรับรู้ขาดทุนเกี่ยวกับการตีราคาของสินทรัพย์ หรือรับรู้เป็นขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์
2.ขาดทุนจากการตีราคาของสินทรัพย์ กับ ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์แตกต่างกันอย่างไร
3.เมื่อสินทรัพย์มีการตีราคาใหม่ พบว่าราคาตามบัญชีของสินทรัพย์สูงกว่าราคาที่ตีใหม่ จะไม่รับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
4.เมื่อจะพิจารณาว่าสินทรัพย์มีการด้อยค่าหรือไม่ แล้วการตีราคาสินทรัพย์นั้นๆ พบว่าราคาที่ตีใหม่ สูงกว่า ราคาตามบัญชีของสินทรัพย์ จะต้องรับรู้เป็นส่วนเกินทุนจากการตีราคาทรัพย์สินหรือไม่
ตามมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 32 เรื่องที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ได้กำหนดแนวทางอาจเลือกปฏิบัติโดยกิจการ อาจแสดงด้วยราคาที่ตีใหม่ ได้ โดยกิจการต้องบันทึกบัญชีรับรู้ผลต่าง จากการตีราคาสินทรัพย์ใหม่ของกิจการ ดังนี้
1.กิจการต้องบันทึกราคาตามบัญชีของสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น จากการตีราคาใหม่โดยตรงไปยังส่วนของเจ้าของภายใต้บัญชี “ส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์” อย่างไรก็ตามหากสินทรัพย์นั้นเคยมีการตีราคาลดลง และกิจการรับรู้ราคาที่ลดลงเป็นค่าใช้จ่ายในงวดก่อนแล้ว ส่วนที่เพิ่มจากการตีราคาใหม่นี้ ต้องรับรู้เป็นรายได้ไม่เกินจำนวนที่เคยลดลงซึ่งได้รับรู้เป็นค่าใช้จ่ายในงวดก่อน
2.กิจการต้องรับรู้ราคาตามบัญชีของสินทรัพย์ที่ลดลง จากการตีราคาใหม่เป็นค่าใช้จ่ายทันที อย่างไรก็ตาม หากสินทรัพย์นั้นเคยมีการตีราคาเพิ่มขึ้น และยังมียอดคงค้างอยู่ในส่วนของเจ้าของ ส่วนที่ลดลงจากการตีราคาใหม่ต้องนำไปหักออกจาก “ส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์” ได้ไม่เกินจำนวนซึ่งเคยตีราคาเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์ รายการเดียวกันส่วนที่เกินให้รับรู้เป็นค่าใช้จ่ายทันที สำหรับเรื่องการด้อยค่าของสินทรัพย์ ตามมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 36 แตกต่างจากการตีราคาสินทรัพย์ คือต้องมีข้อบ่งชี้ที่เป็นการลดค่าของสินทรัพย์อย่างถาวร โดยกำหนดให้ ณ วันสิ้นสุดงวดบัญชี กิจการต้องประเมินว่าสินทรัพย์ที่มีอยู่ เกิดการด้อยค่าหรือไม่ หากกิจการพบว่ามีข้อบ่งชี้ที่ทำให้เชื่อได้ว่าสินทรัพย์อาจเกิดการด้อยค่า กิจการต้องประมาณมูลค่าที่คาดว่าจะได้รับนั้น
ข้อบ่งชี้สำหรับการประเมินว่าสินทรัพย์อาจเกิดการด้อยค่า
1.แหล่งข้อมูลภายนอก เช่น
1.1 ราคาตลาดของสินทรัพย์ลดลงอย่างเป็นสาระสำคัญในระหว่างงวด โดยจำนวนที่ลดนั้นสูงกว่าจำนวนที่คาดว่าจะลดลงตามเวลาที่ผ่านไป หรือการใช้งานตามปกติ
1.2 มีการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบทางลบต่อกิจการ ในระหว่างงวดหรือในอนาคตอันใกล้อย่างเป็นสาระสำคัญ
1.3 อัตราดอกเบี้ยในตลาดหรืออัตราผลตอบแทนอื่นในตลาด จากการลงทุนของงวดนั้นเพิ่มขึ้นจนน่าจะมีผลกระทบต่ออัตราคิดลดที่จะใช้ในการคำนวณ มูลค่าจากการใช้สินทรัพย์ ทำให้มูลค่าจากการใช้สินทรัพย์ และทำให้มูลค่าที่คาดว่าจะได้รับคืนของสินทรัพย์ นั้นลดลงอย่างเป็นสาระสำคัญ
2.แหล่งข้อมูลภายในเช่น
2.1 มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่าสินทรัพย์นั้นล้าสมัยหรือชำรุดเสียหาย
2.2 มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับลักษณะ ที่กิจการใช้หรือคาดว่าจะใช้สินทรัพย์ ซึ่งส่งผลกระทบทางลบต่อกิจการในระหว่างงวดหรืออนาคตอันใกล้ อย่างเป็นสาระสำคัญ หากสินทรัพย์ของกิจการ มีข้อบ่งชี้ว่าจะด้อยค่า กิจการต้องรับรู้รายการขาดทุนจากการด้อยค่า เป็นค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุนทันที และบันทึกลดราคาตามบัญชีของสินทรัพย์ให้เท่ากับมูลค่าที่คาดว่าจะได้รับคืน พร้อมทั้งต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการด้อยค่าของสินทรัพย์ด้วย ทั้งนี้ ท่านสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากมาตรฐานการบัญชีดังกล่าว
——————-
83.ต้องการขอข้อมูลเกี่ยวกับแนวปฏิบัติ ในการคิดค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ประเภทโปรแกรมสำเร็จรูปว่ามีการคิดค่าเสื่อมราคาอย่างไร ใช้มาตรฐานการบัญชีหรือหลักเกณฑ์อะไรในการปฏิบัติ
โปรแกรมสำเร็จรูปถือเป็นสินทรัพย์ไม่มีตัวตนอย่างหนึ่ง ของกิจการซึ่งต้องมีการคิดค่าเสื่อมอย่างมีระบบ ตลอดอายุการให้ประโยชน์ที่ได้รับโดยพิจารณาดังนี้
1.กรณีที่โปรแกรมสำเร็จรูปที่ซื้อมานั้น ต้องใช้ประกอบกับเครื่องจักรใดเป็นการเฉพาะ ให้ประมาณการอายุการให้ประโยชน์ที่ได้รับโดยอ้างอิงตามอายุการใช้งานของเครื่องจักรนั้น
2.กรณีที่ซื้อโปรแกรมสำเร็จรูปโดยมีการระบุไว้ในสัญญาใช้งาน ก็จะตัดเป็นค่าใช้จ่ายตามอายุที่กำหนด ถ้าไม่ระบุอายุการใช้งาน ให้ตัดเป็นค่าใช้จ่ายตามแนวทางปฏิบัติในมาตรฐานการบัญชี เรื่องสินทรัพย์ไม่มีตัวตนโดยให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าอายุการให้ประโยชน์ ของสินทรัพย์ต้องไม่เกิน 20 ปี
——————-
84.การซื้อโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปมาใช้ในบริษัท ทางบริษัทสามารถนำมาลงเป็นทรัพย์สินของบริษัทได้หรือไม่ และมีการบันทึกบัญชีตัวโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปอย่างไร
ท่านสามารถรับรู้รายการเป็นสินทรัพย์ได้เมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขทุกข้อดังต่อไปนี้
1.มีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ที่รายการนั้นจะให้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจต่อกิจการในอนาคต
2.กิจการสามารถกำหนดราคาทุนของรายการนั้นได้อย่างสมเหตุสมผลโดยบันทึกบัญชี ดังนี้
Dr.สินทรัพย์
Cr.เงินสด/เงินฝากธนาคาร
——————
85.แนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวกับการคิดค่าเสื่อมราคา แบบเส้นตรงกล่าวคือได้รับงานทำบัญชี และตรวจพบว่าค่าเสื่อมราคาทรัพย์สินของบริษัท คิดค่าเสื่อมแบบยอดลดลงทุกปี ปีละ 20% ซึ่งตามหลักการบัญชีควรจะคิดค่าเสื่อมราคา 5 ปี ซึ่งปัจจุบันทรัพย์สินดังกล่าวไม่มีแล้ว ในทางปฏิบัติควรทำอย่างไรให้ถูกต้องตามหลักบัญชี
ตามมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 32 เรื่องที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ การคิดค่าเสื่อมราคาเป็นการปันส่วนมูลค่าเสื่อมสภาพ ของสินทรัพย์อย่างมีระบบตลอดอายุการใช้งานของสินทรัพย์ การคิดค่าเสื่อมราคามีหลายวิธีเช่น วิธีเส้นตรง วิธียอดคงเหลือลดลง และวิธีจำนวนผลผลิต การคำนวณค่าเสื่อมราคาวิธีเส้นตรง มีผลทำให้ค่าเสื่อมราคามีจำนวนเท่ากันตลอดอายุการใช้งานของสินทรัพย์ ซึ่งกิจการควรเลือกใช้วิธีคิดค่าเสื่อมราคา ให้เหมาะกับรูปแบบของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจที่คาดว่าจะได้รับ และต้องใช้อย่างสม่ำเสมอในทุกรอบระยะเวลาบัญชี อย่างไรก็ตามหากพบว่าปัจจุบันสินทรัพย์ดังกล่าวไม่มีแล้ว ก็ควรตัดเป็นค่าใช้จ่ายทั้งจำนวน
—————–
86.สินทรัพย์ถาวรหาย บริษัทควรจะบันทึกบัญชีอย่างไร จึงจะถูกต้อง
ถ้าสินทรัพย์ดังกล่าวมิได้มีประกันไว้ก็ให้ทบทวนราคาตามบัญชี ปรับปรุงบัญชีค่าเสื่อมราคาสะสมจนถึงวันที่สินทรัพย์สูญหายเสียก่อน ขั้นต่อไปจึงปิดบัญชีสินทรัพย์รายการนี้ออกจากที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ และโอนผลต่างไปบัญชีขาดทุน หากกิจการได้ทำบัญชีสินทรัพย์ และการสูญหายของสินทรัพย์ดังกล่าวเข้าเงื่อนไขตามที่ตกลงกันไว้กรมธรรม์ฯ ผลเสียหายที่จะได้รับชดเชยจากบริษัทรับประกันให้ตั้งบัญชีเป็นลูกหนี้ก่อนยังขาดอีกเท่าไรจึง จะถือเป็นผลขาดทุน ทั้งนี้ ตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 32 เรื่องที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ย่อหน้า 54-55 การเลิกใช้และการจำหน่ายสินทรัพย์ ระบุว่า กิจการต้องตัดบัญชีรายการที่เป็นที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ ออกจากงบดุล เมื่อกิจการจำหน่ายหรือเลิกใช้สินทรัพย์นั้นอย่างถาวร หรือเมื่อคาดว่าจะไม่ได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนาคตหลังจากที่จำหน่ายสินทรัพย์ไปแล้ว และกิจการต้องรับรูผลต่างระหว่างจำนวนเงินสุทธิที่คาดว่าจะได้รับ กับราคาตามบัญชีของรายการที่เป็นที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ เป็นรายได้หรือค่าใช้จ่าย จากการเลิกใช้หรือจำหน่ายสินทรัพย์ในงบกำไรขาดทุนทันทีที่เกิดขึ้น
—————–
87.บริษัทจำกัดได้ตกลงทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ กับบรรษัทบริหารสินทรัพย์(บบส.)เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2542 และตามรายการบัญชีของบริษัท มีรายการดอกเบี้ยค้างจ่ายไม่ตรงกับยอดค้างจ่ายของ บบส. ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทบันทึกดอกเบี้ยไว้เพียงวันที่ 31 ธันวาคม 2541 เท่านั้น และบริษัทไม่ได้รับการติดต่อจากสถาบันการเงิน และได้รับใบแจ้งหนี้จึงไม่มีการคิดดอกเบี้ย บริษัทจะคิดดอกเบี้ยช่วงที่หยุดการชำระหนี้ด้วยหรือไม่ และจะบันทึกบัญชีปรับปรุงอย่างไร
การที่บริษัทเป็นลูกหนี้เงินกู้ระยะยาว และได้หยุดการชำระหนี้ไป บริษัทยังคงต้องบันทึกรับรู้ดอกเบี้ยค้างจ่ายที่เกิดขึ้นต่อไป จนถึงวันที่ในสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งได้ทำข้อตกลงว่าให้หยุดการคิดดอกเบี้ยแม้ว่าจะได้รับใบแจ้งหนี้หรือไม่ก็ตามดังนั้น หากวันที่ในสัญญาปรับโครงสร้างหนี้เป็นวันที่ 30 พฤศจิกายน 2542 บริษัทจะต้องปรับปรุงรายการบัญช ีเพื่อรับรู้ดอกเบี้ยจ่ายจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2542 โดยถือเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดทางการบัญชีที่สำคัญ ซึ่งต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 39 เรื่องกำไรหรือขาดทุนสุทธิสำหรับงวดข้อผิดพลาดที่สำคัญและการเปลี่ยนแปลงทางบัญชี
——————-
88.บริษัทจ่ายเช็คชำระเจ้าหนี้การค้าในตอนปลายปี แต่เจ้าหนี้การค้านำเช็คไปขึ้นเงินประมาณเดือนมกราคม บริษัทต้องปรับปรุงบัญชีหรือไม่
ไม่ต้องปรับปรุงรายการ แต่ควรมีการจัดทำงบกระทบยอดเงินฝากธนาคารเพื่อให้บริษัทสามารถตรวจสอบรายการได้
——————
89.การบันทึกบัญชีเงินเกินบัญชีธนาคารซึ่งในอดีตมิได้บันทึก เนื่องจากผู้บริหารนำเงินในบัญชีดังกล่าวไปใช้ส่วนตัว ทำให้เป็นยอดเบิกเกินสูงมาก ดังนั้น ดอกเบี้ย ที่เก็บและตัวเงินจึงไม่บันทึกบัญชีถ้าจะบันทึกใหม่ทำอย่างไร
เงินเบิกเกินบัญชีธนาคารซึ่งไม่เคยบันทึกบัญชีเนื่องจากผู้บริหารนำไปใช้เป็นการส่วนตัวดอกเบี้ยที่เกิด และตัวเงินเบิกเกินบัญชีธนาคารจึงไม่ได้บันทึกในบัญชีของบริษัท บริษัทจึงควรปรับปรุงดังนี้ เงินต้นเริ่มแรกของเงินเบิกเกินบัญชีธนาคารดอกเบี้ยทั้งหมดที่เกิดขึ้น ให้บันทึกผู้บริหารที่นำเงินไปใช้ส่วนตัวเป็นลูกหนี้ของบริษัททั้งจำนวน และบันทึกบัญชีธนาคารเงินเบิกเกินบัญชีเป็นบัญชีเจ้าหนี้ของบริษัทต่อไป
ดอกเบี้ยที่เกิดจากเงินเบิกเกินบัญชีธนาคารในปีต่อมา ให้บันทึกเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัท และขณะเดียวกันบริษัทก็ต้องบันทึกดอกเบี้ยดังกล่าว ให้คำนวณจากยอดคงเหลือบัญชีลูกหนี้ของบริษัท ด้วยอัตราดอกเบี้ยเดียวกันกับที่ธนาคารเรียกเก็บจากบัญชีเงินเบิกเกินบัญชีธนาคาร ดังนั้น จำนวนสุทธิของดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่าย ซึ่งเป็นดอกเบี้ยของบริษัท อนึ่งการจ่ายเงินจากบัญชีเงินเบิกเกินบัญชีธนาคารภายหลัง การปรับปรุงและต้องเป็นรายการเฉพาะของบริษัทเท่านั้น