Bookkeeping Hot Request part VI
51.บริษัทลงรายการบัญชีโดยใช้รหัสบัญชี บริษัทต้องจัดทำ คำแปลรหัสบัญชี และนำส่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้าด้วย หรือไม่
บริษัทต้องจัดทำคู่มือคำแปลรหัสบัญชีไว้ด้วย โดยไม่ต้องส่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
———————–
52.การขึ้นเป็นผู้ทำบัญชีนั้นมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง นักศึกษาที่จบใหม่ก็สามารถขึ้นขึ้นทะเบียนเป็นผู้ทำบัญชีได้ใช่หรือไม่
การแจ้งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการทำบัญชีตาบแบบ ส.บช 5 เป็นการปฎิบัติตามเงื่อนไขของการเป็นผู้ทำบัญชีตามประกาศกรมทะเบียนการค้า เรื่องกำหนดคุณสมบัติและเงื่อนไขการเป็นผู้ทำบัญชี พ.ศ2543 ซึ่งผู้ทำบัญชีจะต้องแจ้งรายละเอียดดังกล่าวให้อธิบดี ภายในหกสิบวันนับแต่วันเริ่มทำบัญชีให้กับธุรกิจ โดยใช้แบบ ส.บช 5 จำนวน 2 ชุด
(ต่างจังหวัดใช้ 3 ชุด) พร้อมทั้งแนบหลักฐานประกอบดังนี้
1.สำเนาทะเบียนบ้าน
2.สำเนาบัตรประชาชน
3.สำเนาปริญญาบัตรหรือสำเนาใบรับรองผลการศึกษาตลอดหลักสูตร (Transcript)
4.รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก ถ่ายมาแล้วไม่เกินหกเดือน จำนวน 6 รูป (ต่างจังหวัดใช้ 3 รูป)
5.สำเนาใบเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล (ถ้ามี) โดยแจ้งที่สำนักกำกับดูแลธุรกิจกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จังหวัดนนทบุรี 11000 สำหรับต่างจังหวัดสามารถแจ้งได้ที่ สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดนั้น ๆ
————————
53.การแจ้งเป็นผู้มีคุณสมบัติเป็นผู้ทำบัญชีได้ เป็นการรับแจ้งสำหรับผู้ที่มีคุณสมบัติเป็นผู้ทำได้ เช่น ผู้ที่จบการศึกษาใหม่ที่มีคุณวุฒิตามที่กำหนด ให้เป็นผู้ทำบัญชีได้เป็นต้น และมีความประสงค์จะให้กรมฯ ออกหลักฐานแสดงว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติเป็นผู้ทำบัญชีได้ ตามที่อธิบดีกำหนดเพื่อใช้ในการสมัครงานในฐานะผู้ทำบัญชีของธุรกิจ ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามประกาศกรมทะเบียนการค้า เรื่องการแจ้งเป็นผู้มีคุณสมบัติเป็นผู้ทำบัญชีได้ พ.ศ.2544 โดยใช้แบบ ส.บช.5 จำนวน 2 ชุด (ต่างจังหวัดใช้ 3 ชุด) พร้อมทั้งแนบหลักฐานประกอบดังนี้
1. สำเนาหลักฐานการศึกษา (ประกาศนียบัตร/อนุปริญญา/ปริญญา) หรือ สำเนาใบรับรองผลการศึกษาตลอดหลักสูตร (Transcript)
2. สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชน
รูปถ่ายครึ่งตัวหน้าตรง ไม่สวมหมวก ขนาด 1 นิ้วถ่ายไม่เกิน 6 เดือนจำนวน 2 รูป ต่างจังหวัด 3 รูปโดยแจ้งที่สำนักกำกับดูแลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จังหวัดนนทบุรี 11000 สำหรับต่างจังหวัด สามารถแจ้งได้ที่สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดนั้นๆ
3. ยื่นแบบ ส.บช.5 ไปแล้ว ได้เลขประจำตัวเมื่อใด ถ้าต้องการเพิ่มกิจการที่รับทำบัญชีเพิ่มจากที่ยื่นครั้งแรกจะต้องทำอย่างไร
แนวคำตอบ
–จะได้รหัสประจำตัวผู้ทำบัญชีในขณะยื่น หรือถ้า
ยื่นทางไปรษณีย์จะตอบกลับให้ประมาณ ภายใน 1
สัปดาห์
-ถ้าเพิ่มกิจการให้ยื่น ส.บช. 6 ภายใน 60 วันนับจากวันที่
มีการเปลี่ยนแปลงทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2547
สามารถแจ้งการเปลี่ยนแปลงทาง Internet ได้โดยท่าน
ต้องกรอกแบบแจ้งความประสงค์ในการแจ้ง เพิ่ม/ยกเลิก ธุรกิจที่รับทำบัญชี และการเข้ารับการอบรมของผู้ทำบัญชี โดยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเพื่อขอรับ User ID และ Password ที่จะใช้ในการแจ้งเปลี่ยนแปลงทาง Internet
————————
54.ยื่นแบบ ส.บช.5 ไปแล้ว ได้เลขประจำตัวเมื่อใด ถ้าต้องการเพิ่มกิจการที่รับทำบัญชีเพิ่มจากที่ยื่นครั้งแรกจะต้องทำอย่างไร
จะได้รหัสประจำตัวผู้ทำบัญชีในขณะยื่น หรือถ้า ยื่นทางไปรษณีย์จะตอบกลับให้ประมาณ ภายใน 1 สัปดาห์
– ถ้าเพิ่มกิจการให้ยื่น ส.บช. 6 ภายใน 60 วันนับจากวันที่ มีการเปลี่ยนแปลงทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2547 สามารถแจ้งการเปลี่ยนแปลงทาง Internet ได้โดยท่านต้องกรอก แบบแจ้งความประสงค์ในการแจ้ง เพิ่ม/ยกเลิก ธุรกิจที่รับทำบัญชี และการเข้ารับการอบรมของผู้ทำบัญชีโดยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เพื่อขอรับ User ID และ Password ที่จะใช้ในการแจ้งเปลี่ยนแปลงทาง Internet
————————
55.ความผิดหากไม่แจ้งการเป็นผู้ทำบัญชี หรือผู้ทำบัญชีไม่ทำตามมาตรฐานการบัญชีจะถูกปรับจำนวนเท่าไร มีโทษฐานใด
ผู้ทำบัญชีไม่แจ้งการเป็นผู้ทำบัญชีภายในกำหนดเวลามีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
– ไม่ทำบัญชีตามมาตรฐานการบัญชีมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
————————
56.กรณีที่แจ้งแบบ ส.บช. 5 และได้เลขรหัสประจำตัวแล้ว เมื่อได้เป็นผู้ทำบัญชีของบริษัทแล้ว ต้องแจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าอีกหรือไม่
เมื่อเป็นผู้ทำบัญชีที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบ ในการทำบัญชีให้บริษัทต้องแจ้งการเป็นผู้ทำบัญชีตามแบบ ส.บช. 5 ภายใน 60 วัน นับแต่เริ่มทำบัญชี
————————
57.ผู้ทำบัญชีจะต้องอบรมทุกรอบ 3 ปี จะต้องอบรมกี่ชั่วโมงเป็นเรื่องบัญชีกี่ชั่วโมงเรื่องอื่นกี่ชั่วโมงและจะแจ้งรายละเอียดอย่างไร
ตามประกาศกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาในการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพของผู้ทำบัญชี พ.ศ. 2547 กำหนดให้ผู้ทำบัญชีต้องเข้ารับการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพทุกรอบ 3 ปี โดยในแต่ละรอบต้องมีจำนวนชั่วโมงไม่น้อยกว่า 27 ชั่วโมง และต้องเป็นกิจกรรมที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับบัญชีไม่น้อยกว่า 18 ชั่วโมง ทั้งนี้ในแต่ปีต้องเข้ารับการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพ ไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง
ผู้ทำบัญชีต้องแจ้งรายละเอียดการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพต่ออธิบดีภายใน 60 วัน นับแต่วันสิ้นปีปฏิทินของทุกปี โดยผ่านทาง Internet โดยใช้User ID และ Password เดียวกับการแจ้ง/ยกเลิกธุรกิจ ที่รับทำบัญชีของผู้ทำบัญชีหรือยื่นด้วยตนเองที่สำนักกำกับดูแลธุรกิจหรือส่งทางไปรษณีย์ทั้งนี้
หากผู้ทำบัญชีท่านใดประสงค์จะขอรับ User ID และ Password ให้ดำเนินการ ดังนี้
1. กรอกข้อมูลในแบบแจ้งความประสงค์ในการแจ้งเพิ่มและยกเลิกธุรกิจที่รับทำบัญชีฯ จำนวน 1 ชุด ซึ่งแบบแจ้งความประสงค์นี้ สามารถพิมพ์ได้จาก www.dbd.go.th เลือกหัวข้อบริการกรม เลือกงานบัญชีและสอบบัญชี เลือกแบบพิมพ์ต่างๆ เลือกแบบแจ้งความประสงค์ในการแจ้งเพิ่มและยกเลิกธุรกิจฯ หรือติดต่อขอรับได้ที่สำนักกำกับดูแลธุรกิจชั้น 14 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
2. วิธีการแจ้งความประสงค์ เพื่อรับหมายเลขผู้ใช้(User ID) และรหัสผ่าน (Password)
กรณีผู้ทำบัญชียื่นแบบแจ้งความประสงค์ฯ เพื่อรับหมายเลขผู้ใช้(User ID) และรหัสผ่านของตนเองให้ยื่นแบบแจ้งความประสงค์ฯ จำนวน 1 ชุด และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมรับรองสำเนาถูกต้องไปที่สำนักกับดูแลธุรกิจ ชั้น 14 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า พร้อมแสดงบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง ต่อเจ้าหน้าที่
กรณีผู้ทำบัญชียื่นแบบแจ้งความประสงค์ฯ โดยไม่ได้ยื่นด้วยตัวเองให้ยื่นแบบความประสงค์ฯ จำนวน 1 ชุด และหนังสือมอบอำนาจติดอากรแสตมป์จำนวน 10 บาท ระบุให้ชัดเจนว่าให้ผู้รับมอบอำนาจไปดำเนินการแทนในเรื่องอะไร และแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ของผู้มอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจพร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
กรณีทำบัญชียื่นแบบแจ้งความประสงค์ฯ ทางไปรษณีย์ ให้ยื่นแบบแจ้งความประสงค์ฯ จำนวน 1 ชุด และแนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมรับรองสำเนาถูกต้องไปยังสำนักกำกับดูแลธุรกิจ ตามที่อยู่ของหนังสือ พร้อมแนบซองปิดแสตมป์จำนวน 6 บาท จ่าหน้าซองถึงผู้ทำบัญชี เพื่อจัดส่งหมายเลขผู้ใช้(User ID) และรหัสผ่าน(Password) กลับไปยังผู้ทำบัญชี
————————
58.อยากทราบว่าการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญมีกี่วิธี อะไรบ้าง
*** 1.คำนวณเป็นร้อยละของยอดขาย
1.1 คำนวณเป็นร้อยละของยอดขายรวม โดยถือว่าการขายเป็นรายการที่ก่อให้เกิดลูกหนี้ และอัตราส่วนการขายสัมพันธ์กับจำนวนหนี้ที่เก็บไม่ได้
1.2 คำนวณเป็นร้อยละของยอดขายเชื่อ โดยถือว่าการขายเชื่อ สัมพันธ์โดยตรงกับลูกหนี้ ส่วนการขายสดไม่ได้ก่อให้เกิดลูกหนี้แต่อย่างใด
*** 2.คำนวณเป็นร้อยละของลูกหนี้โดยวิเคราะห์จากประสบการณ์ที่ผ่านมา กิจการจะสามารถประมาณอัตราร้อยละ ของลูกหนี้ที่คาดว่าจะเก็บไม่ได้ต่อยอดลูกหนี้ที่คงค้างดังนี้
2.1 คำนวณเป็นร้อยละของลูกหนี้ โดยถืออัตราส่วนของจำนวนหนี้สงสัยจะสูญ สำหรับลูกหนี้ทั้งหมดจะคงที่
2.2 คำนวณโดยจัดกลุ่มลูกหนี้ จำแนกตามอายุของหนี้ที่ค้างชำระ ลูกหนี้กลุ่มที่ค้างชำระนานจะนำมาคำนวนหาจำนวนหนี้สงสัยจะสูญ ด้วยอัตราร้อยละที่สูงกว่าหนี้ที่เริ่มค้างชำระ
2.3 คำนวณโดยพิจารณาจากลูกหนี้แต่ละราย และจะรวมเฉพาะรายที่คาดว่าจะเรียกเก็บไม่ได้เท่านั้น เป็นหนี้สงสัยจะสูญ
*** 2.การตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ มีการบังคับให้ทำหรือไม่ และมีเกณฑ์การตัดหนี้สูญไว้ ดังนี้
1.เมื่อมีการทวงถามถึงที่สุดแล้ว โดยดำเนินการตามเงื่อนไขที่กำหนดในกฎหมายภาษีอากร
2.คาดหมายได้แน่นอนว่าจะไม่ได้รับการรับชำระหนี้
————————
59.บริษัทมีการประมาณการหนี้สงสัยจะสูญจากยอดการขายเชื่อทุกปี
และในปีนี้บริษัทไม่สามารถเรียกเก็บเงินจากลูกหนี้ได้จึงได้ตัดหนี้สูญจำนวน 15,000 บาท จะลงบันทึกบัญชีอย่างไร
การบันทึกบัญชีตัดจำหน่ายหนี้สูญมี 2 กรณี คือ
1.กรณีตัดจำหน่ายเป็นหนี้สูญได้ตามกฎหมายภาษีอากร บันทึกบัญชีโดย
เดบิต หนี้สูญ 15,000
เครดิต ลูกหนี้ 15,000
เดบิต ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 15,000
เครดิต หนี้สงสัยจะสูญ 15,000
2.กรณีที่ตัดจำหน่ายหนี้สูญไม่เข้าข่ายการยอมรับของกฎหมาย
ภาษีอากรบันทึกบัญชีโดย
เดบิต ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 15,000
เครดิต ลูกหนี้ 15,000
————————
60.กรณีชำระเจ้าหนี้ต่างประเทศเกินจริง ตอนนำสินค้าเข้าจากต่างประเทศ ได้บันทึกเจ้าหนี้ต่างประเทศ ในราคาหน่วยละ 500U$ แต่พอตอนชำระเจ้าหนี้ต่างประเทศได้ชำระไป หน่วยละ 800U$ โดยเกิดจากทางต่างประเทศ แจ้งหนี้ราคามาผิดและทางฝ่ายบัญชีไม่ทราบจึงโอนเงินไปให้เกิน ควรแก้ปัญหาอย่างไร และบันทึกบัญชีอย่างไร
ควรดำเนินการเรียกเงินคืนจากเจ้าหนี้ และบันทึกส่วนที่ชำระตั้งเป็นลูกหนี้ไว้จนกว่าจะมีการคืนเงินหรือหักลบหนี้กันต่อไป