Bookkeeping Hot Request part VII
61.การบันทึกต้นทุนขาย ตอนปิดบัญชี ณ วันสิ้นงวด อยากทราบขั้นตอนการบันทึกปิดบัญชี ต้นทุนขายตอนปิด ณ วันสิ้นงวด ว่าต้องบันทึกอย่างไรถ้าเราปิดบัญชีด้วยมือ
การปิดบัญชีสินค้า 2 วิธี
วิธีที่ 1 แบบ perpetual เป็นการปิดบัญชีต้นทุนขาย เข้าบัญชีกำไรขาดทุน โดยบันทึกบัญชี
Dr.กำไรขาดทุน xx
Cr. ต้นทุนขาย xx
วิธีที่ 2แบบ Periodic เป็นการปิดบัญชี สินค้าต้นงวด ซื้อ และ สินค้าปลายงวดเข้าบัญชีกำไรขาดทุน โดยบันทึกบัญชี
Dr.สินค้าปลายงวด xx
กำไรขาดทุน xx
Cr.สินค้าต้นงวด xx
ซื้อ xx
——————-
62.บริษัทถูกสรรพากรเข้ามาตรวจสภาพกิจการ ปรากฏว่าในการตรวจนับสินค้าคงเหลือ มีสินค้าขาดไปจากรายงานจึงถูกประเมินภาษีขายเพิ่มขึ้น และให้รับรู้เป็นรายได้จากการขาย เพื่อคำนวณกำไรสุทธิไม่ทราบว่าจะต้องบันทึกบัญชีอย่างไร DR.ค่าใช้จ่ายต้องห้ามฯ CR.รายได้จากการขาย จะถูกต้องหรือไม่
จะนำมาบันทึกเป็นรายได้จากการขายไม่ได้ เนื่องจากไม่ได้เป็นรายได้ที่แท้จริงของบริษัทแต่ให้บันทึกเป็นค่าใช้จ่าย โดย
Dr.ค่าใช้จ่ายต้องห้าม
Cr.ภาษีขาย
แล้วนำภาษีขายส่วนนี้ไปแสดงในแบบ ภ.ง.ด.50 และในกรณีที่มีเบี้ยปรับเงินเพิ่มให้บันทึกบัญชีดังนี้
Dr.เบี้ยปรับเงินเพิ่ม
Cr.เจ้าหนี้สรรพากร
——————–
63.ประกอบกิจการสปา ซึ่งมีทั้งให้บริการนวดตัว และขายอาหารภายในสปาแห่งนี้ด้วย อยากทราบเกี่ยวกับข้อมูลดังต่อไปนี้
1.กรณีซื้ออาหารสด ผัก ผลไม้ มาเพื่อทำอาหารขายแก่ลูกค้าจะใช้ชื่อบัญชีว่าอย่างไร
2.กรณีซื้อครีมมาเพื่อใช้ในการพอกตัวหรือสมุนไพรต่างๆ ในการให้บริการสปาจะลงบัญชีอย่างไร ครีมพวกนี้บางครั้งก็ขายให้ลูกค้าด้วยเช่นเดียวกัน จะใช้ชื่อในการลงบัญชีว่าอย่างไร
3.กรณีมีการซื้ออุปกรณ์เครื่องครัว เพื่อใช้ในการประกอบอาหารจะใช้ชื่อบัญชีว่าอย่างไร
1.กรณีซื้อวัตถุดิบต่างๆ เพื่อนำมาประกอบอาหารเพื่อขาย และซื้อครีมมาเพื่อใช้ในการบริการหรือขาย มีวิธีการบันทึกบัญชีได้ 2 วิธี
(1) Periodic Inventory Method เมื่อมีการซื้อสินค้าจะลงบัญชีโดย
เดบิต ซื้อ
เครดิต เงินสดหรือธนาคาร (กรณีซื้อสด ถ้าซื้อเป็นเงินเชื่อ เครดิตเจ้าหนี้) ตามวิธีนี้สินค้าคงเหลือที่แสดงในงบดุล และที่ใช้ในการคำนวณต้นทุนขายได้มาจากการตรวจนับสินค้า และการตีราคาสินค้าในตอนสิ้นงวด
(2) Perpetual Inventory Method เมื่อมีการซื้อสินค้าจะลงบัญชีโดย
เดบิต สินค้าคงเหลือ
เครดิต เงินสดหรือธนาคาร (กรณีซื้อสด ถ้าซื้อเป็นเงินเชื่อ เครดิตเจ้าหนี้) ตามวิธีนี้จะบันทึกรายการสินค้าคงเหลืออยู่ตลอดเวลา
2.กรณีซื้ออุปกรณ์เครื่องครัวต่างๆ จะใช้ชื่ออุปกรณ์ ซึ่งแสดงรายการเป็นสินทรัพย์
——————-
64.เนื่องจากทางบริษัทมีบัญชีเงินฝากที่เป็นเงินตราต่างประเทศ และมีการนำเข้า-ส่งออกสินค้า ตอนปลายปีมีการปรับปรุงอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันสิ้นปี ทั้งยอดเงินฝากและยอดหนี้ อยากทราบว่า พอปีใหม่ มีการเข้าออกของบัญชีเงินฝากจะต้องปรับปรุงกำไรขาดทุนจากอัตราฯ อีกหรือไม่ ถ้าเป็นยอดหนี้จะมีการปรับปรุงอยู่แล้วในกรณีเป็นบัญชีเงินออมฝากบัญชี จะบันทึกบัญชีอย่างไร เช่นวันที่ 12 ธ.ค. 46 ซื้อสินค้า 500 USRATE=39 ตอนปลายปี ปรับปรุง US=40 ตอนจ่ายชำระหนี้ให้เจ้าหนี้เป็นบัญชีเงินฝากต่างประเทศ RATE เป็น 42 และกรณีส่งออก ถ้าใช้ RATE ตามตัวอย่างแต่กลับกันจะบันทึกอย่างไร
รายการที่เป็นเงินตราในระหว่างปี หากเกิดรายการทางบัญชีขึ้น (ฝาก-ถอน)ให้บันทึกบัญชีโดยใช้อัตรา ณ วันที่เกิดรายการ และเมื่อสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี กิจการจะต้องปรับปรุงเงินฝากที่เป็นเงินตราต่างประเทศที่คงเหลืออยู่ ด้วยอัตราปิดโดยผลต่างที่เกิดขึ้นให้รับรู้เป็นรายการกำไร หรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนของรอบปีบัญชีนั้นๆ
ตัวอย่าง สมมุติอัตราซื้อ และอัตราขาย ต่อ 1 US
อัตราซื้อ : 1 US อัตรา ขาย : 1 US
12 ธันวาคม 2546 38 39
31 ธันวาคม 2546 39 40
10 มกราคม 2547 41 42
1. ตัวอย่าง การบันทึกบัญชี ซื้อสินค้า
12 ธ.ค. 2546
Dr.สินค้าคงเหลือ 19,500
Cr.เจ้าหนี้ 19,500
ซื้อสินค้า 500USx39=19,500 บาท
31 ธ.ค. 2546
Dr.ขาดทุนจากการเปลี่ยนค่าเงินตราต่างประเทศ 500
Cr.เจ้าหนี้ 500
บันทึกผลขาดทุนจากการเปลี่ยนค่าฯด้วยอัตราปิด 500 US x (40-39) = 1
บันทึกการจ่ายชำระหนี้ให้เจ้าหนี้
Dr.เจ้าหนี้ 20,000
ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 1,000
Cr.เงินฝากธนาคาร 21,000
จ่ายชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ 500 US x 42 = 21,000 บาท
2.การบันทึกบัญชีขายสินค้า
12 ธันวาคม 2546
Dr.ลูกหนี้ 19,000
Cr.ขาย 19,000
ขายสินค้า 500 USx38=19,000 บาท
31 ธันวาคม 2546
Dr.ลูกหนี้ 500
Cr.กำไรจากการเปลี่ยนค่าเงินตราต่างประเทศ 500
บันทึกผลกำไรจากการเปลี่ยนค่าฯ ด้วยอัตราปิด 500 US x (39-38) = 1
บันทึกการรับชำระหนี้ ของลูกหนี้
Dr.เงินฝากธนาคาร 20,500
Cr.ลูกหนี้ 20,000
กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 500
การรับชำระหนี้ 500 USx41=20,500 บาท
3.การบันทึกบัญชีการฝากและถอนเงินตราต่างประเทศ
สมมติ มียอดเงินฝากธนาคารต่างประเทศ 50 US ราคาปิด ณ วันที่
31 ธันวาคม 2546 เป็นจำนวน 50 บาท
ระหว่างปีมีการฝากเงิน 5 US อัตราแลกเปลี่ยน 1 US =45 บาท และ
ถอนเงิน 10 US อัตราแลกเปลี่ยน 1 US=42 บาท
ในวันที่ 31 ธันวาคม /2546 บัญชีธนาคาร (ต่างประเทศ) 50 USx50=2,500 บาท
ระหว่างปีมีการฝากเงิน
Dr.ธนาคาร (ต่างประเทศ) 225
Cr.เงินสด 225
นำเงินฝากธนาคาร 5 USx45=225
ระหว่างปีมีการถอนเงิน
Dr.เงินสด 420
Cr.ธนาคาร (ต่างประเทศ) 420
ถอนเงินจากธนาคาร 10 USx42=420
31 ธันวาคม 2547(ราคาปิด1 US=55 บาท)
Dr.ธนาคาร 170
Cr.กำไรจากการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 170
บันทึกบัญชี ตอนสิ้นปี (50+5-10)=45×55 บาท =2,475-2,305=170
ปรับปรุงบัญชีธนาคารซึ่งเป็นเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศ(ณ 31 ธันวาคม 2547)
มียอดคงเหลือ 45 US อัตราแลกเปลี่ยน 1 US=55 บาท
———————–
65.ในกรณีที่บริษัทมียอดสินค้าคงเหลือตามบัญชี แต่ในความเป็นจริงไม่มีสินค้าคงเหลือแล้ว
ซึ่งเกิดจากการทำบัญชีผิดพลาดของปีก่อน ควรจะมีการปรับปรุงอย่างไรจึงเป็นวิธีที่ถูกต้อง
บริษัทไม่มีสินค้าคงเหลือตามที่ปรากฏในบัญชีเพราะการ บันทึกบัญชีผิดพลาดของปีก่อน ในกรณีนี้ บริษัทต้องปรับปรุงรายการสินค้า ให้ถูกต้องตามความเป็นจริง โดยการปรับปรุงสินค้าและต้นทุนขาย ดังกล่าวกับบัญชีกำไรสะสมต้นปี
———————–
66.บริษัทจะต้องรับรู้มูลค่าที่แท้จริง ของเงินลงทุนที่นำไปซื้อหุ้นทุน ในบริษัทอื่นอย่างไรหากภายหลังพบว่า
1.1 กิจการที่บริษัทของเราไปลงทุน ไม่ได้ส่งงบการเงินเป็นเวลา 2-4 ปี ติดต่อกันโดยสถานะของกิจการนั้นอยู่ในสภาพร้าง
1.2 กิจการที่บริษัทของเราไปลงทุน มีผลขาดทุนเป็นจำนวนมากซึ่งได้จดทะเบียนเลิกบริษัทแล้ว แต่ไม่ได้จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี โดยปรากฏว่า
1.2.1 ส่วนแบ่งขาดทุนมีมากกว่าจำนวนเงินที่นำไปลงทุน
1.2.2 ส่วนแบ่งขาดทุนมีน้อยกว่าจำนวนเงินที่นำไปลงทุน
1.3 กิจการที่บริษัทของเราไปลงทุน ไม่ได้ประกอบกิจการเป็นเวลา 2-3 ปี ติดต่อกันแต่ยังมีการส่งงบการเงิน เป็นประจำทุกปี อยู่
กรณีดังกล่าวอาจพิจารณาได้ว่า มีข้อบ่งชี้การด้อยค่าของ เงินลงทุน ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 40 เรื่องการบัญชีสำหรับเงินลงทุนในตราสารหนี้และตราสารทุน กิจการต้องบันทึกการด้อยค่า ของเงินลงทุนโดยกลับบัญชีส่วน
ต่ำกว่า หรือส่วนเกินทุน จากการเปลี่ยนแปลงมูลค่า แล้วบันทึกผลต่างเป็นรายการขาดทุนจากการด้อยค่าในงบกำไรขาดทุน
———————-
67.บริษัทได้รับเงินลงทุนมา โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น บริษัทจะบันทึกบัญชีเงินลงทุนดังกล่าวอย่างไร
กรณีนี้บริษัทควรบันทึกบัญชีเงินลงทุนที่ได้มาด้วยมูลค่ายุติธรรมพร้อม ทั้งจัดประเภทเงินลงทุนดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ของบริษัทที่จะถือไว้ เช่น เก็บเงินลงทุนไว้จนครบกำหนด เป็นต้น และควรรับรู้เงินลงทุนที่ได้มา เป็นรายได้อื่นโดยบันทึกบัญชี
ดังนี้
เดบิต เงินลงทุน (ตามประเภทวัตถุประสงค์) ***
เครดิต รายได้อื่น ***
———————
68.บันทึกซื้อที่ดินอย่างไร
– บริษัทซื้อที่ดิน จ่ายครั้งแรก 75% เดือน มีนาคม จำนวน 75 บาท
– จ่ายดอกเบี้ย 20 บาท เดือน มิถุนายน
ตามมาตรฐานการบัญชีฉบับที่ 32 เรื่อง ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ กิจการจะต้องบันทึกบัญชี-ที่ดิน รับรู้เป็นสินทรัพย์โดยใช้ ราคาทุนสำหรับดอกเบี้ยซึ่งเป็นต้นทุนการกู้ยืม ที่เกิดขึ้นให้บันทึกเป็นค่าใช้จ่ายทั้งจำนวนในงวดบัญชีนั้น
———————
69.อยากทราบว่าเวลา บริษัท ซื้อของตามจำนวนที่ผู้ขายกำหนดไว้แล้ว จะมีการแถมของให้เช่นซื้อ แอร์ครบ 7 เครื่องแล้ว แถม โทรทัศน์ 1 เครื่อง (ระบุในใบกำกับภาษีว่าแถมโทรทัศน์ 1 เครื่อง) ไม่ทราบว่าโทรทัศน์ที่ได้แถมจะต้องรับรู้เป็นรายได้หรือสินทรัพย์
โทรทัศน์ที่ได้แถมมานั้นบริษัทจะต้องรับรู้เป็นสินทรัพย์ของบริษัท ซึ่งการตีราคาให้ใช้วิธีราคายุติธรรม ในขณะนั้นโดยใช้มูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์เป็นเกณฑ์ ในการเฉลี่ยต้นทุนให้กับสินทรัพย์แต่ละชนิด
———————
70.กิจการมีการเช่าช่วงที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างเป็นเวลา 30 ปีกิจการแสดงในงบการเงินเป็น สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน และมีการทยอยตัดเป็นค่าใช้จ่ายทุกๆ ปี และควรบันทึก, ปรับปรุงบัญชี อย่างไร
ตอนจ่ายเงินเพื่อเช่าช่วงทรัพย์สิน ให้บันทึกบัญชีโดย
เดบิต สิทธิการเช่ารอตัดบัญชี (สินทรัพย์อื่น)
เครดิต เงินสดหรือธนาคาร
ณ วันสิ้นปี ทยอยตัดบัญชีเป็นค่าใช้จ่าย ให้บันทึกบัญชีโดย
เดบิต สิทธิการเช่าตัดบัญชี(ค่าใช้จ่าย)
เครดิต สิทธิการเช่ารอตัดบัญชี