จบตรงไหนเมื่อไหร่
ตลอดหลายปีมานี้เอาเป็นว่าตั้งแต่โควิด ทั่วโลกน่ารับมือกับความเครียดตามๆ กัน ทั้งโลกระบาดทั้งสงครามหลายแห่งทั่วโลก โดยเฉพาะสงครามใกล้ประเทศไทย อีกทั้งการเมือง สภาพเศรษฐกิจ ยาเสพติด แผ่นดินไหว ตึกรัฐถล่ม ถาโถมมาพร้อมกัน พวกหลอกกันบนออนไลน์ มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่รวดเร็วมาก
ต้องเรียกว่าทั้งโลก ไม่เฉพาะในประเทศไทย คงไม่เล่าเรื่องคนอื่นเพราะความกังวล มีไม่เท่ากันการเรียนรู้ไม่เหมือนกัน ประสบการณ์ต่างกัน ความรับผิดชอบต่างกัน
ส่วนตัวเองไม่ค่อยได้กังวลเรื่องเศรษฐกิจตัวเองมากนัก เพราะยังได้รับผลกระทบน้อยขนาดนี้ โดนกระทบมั้ยจะบอกไม่โดนก็ดูจะซุปเปอร์แมนเกินไป แข็งแกร่งเกินไป ขี้โม้เกินไป สารภาพตัวเองยังไม่ค่อยกังวลตอนนี้นัก แต่ในอนาคตไม่แน่เพราะดูอะไรต่อมิอะไรก็ไม่ค่อยแน่นอน
วนเรื่องการเมือง เศรษฐกิจในบ้านเรา ก็ต้องเขียนถึง ไทยเป็นรัฐล้มเหลวหรือยัง มีการพูดกันเยอะมาก เป็นหรือยังไม่เป็น ผมเองก็ไม่ได้เชี่ยวชาญความล้มเหลว แต่ดูความวุ่นวายทางการเมือง ความรับผิดชอบทางการเมือง นักการเมือง ข้าราชการประจำ องค์อิสระ ทหารแม้แต่ศาล รวมถึงสถาบันอื่น คือหายไปเลย ความรับผิดไม่มีแต่ทุกคนเสนอหน้ารับแต่ชอบกันหมด
มีองค์กรไหนมีเสน่ห์พอ หรือมีความน่าเชื่อถือน่าเคารพมากพอ ให้คนไทยยกมือไหว้ ได้เต็มภาคภูมิ โดยส่วนตัวผมมองไม่เห็น จึงต้องมีการไหว้กันตามประเพณี หรือบังคับไหว้ กันเกือบทุกองค์กร นั่นเป็นเรื่องของประชาธิปไตย มีปัญหา หลักนิติธรรม มีปัญหา ทุจริตเบ่งบาน มีปัญหา ไปถึงงบประมาณแผ่นดิน โกงกินกันเยอะมาก
เสรีภาพพลเมืองหดลง นั่นก็คือมีปัญหาใหญ่ ลามไปถึง เศรษฐกิจไทย อยู่ในช่วงเผาจริงทุกสัญญาณส่งมาหมด เวิลด์แบงก์ ก็มีบทความถึงประเทศไทย เราอยู่ในช่วงเผาหนักเผามานาน ตั้งแต่โดวิดจนตอนนี้ยังอยู่ในช่วงที่เผาต่อ ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นตัว ไม่ว่าทุนผูกขาด หรืออะไรอีกเยอะ ที่เขียนไม่ได้แต่ผมว่าทุกคนน่าจะมองออก คนกลุ่มไหนสถาบันใด
โดยเฉพาะปัญหาการไม่ปรับตัว กับ ฝั่งอนุรักษ์นิยมความเชื่อ แต่กลับมาขวางทางสังคมที่ต้องการเปลี่ยนแปลง ในโลกที่เปลี่ยนแปลง และเปลี่ยนเร็วมาก โดยเฉพาะเทคโนโลยี การเติบโตของโซเชียลมีเดียทั่วโลก ข่าวการเคลื่อนไหวทุกอย่างบนโลก เราสามารถรู้โดยทันทีในอีกฝากโลกหนึ่ง เหมือนเคยมีคนเปรียบเทียบ เข็มตกที่สหรัฐ คนไทยได้ยิน เป็นการเปรียบเทียบอินเตอร์เน็ต โซเชียลมีเดียที่มันวนอยู่ทั่วโลกรวดเร็ว ยกเว้นคุณจะปิดประเทศ และบล็อกโซเชียลจากทั่วโลก เหมือนบางประเทศ
ผมเองก็ไม่รู้ว่าสังคม เศรษฐกิจไทย จะผ่านไปได้แค่ไหน แต่ก็เชื่อว่ามีคนผ่านไปได้แต่ผ่านจำนวนเท่าไหร่ เท่านั้นแหล่ะที่เป็นปัญหา แล้วถามต่อตัวเอง ธุรกิจตัวเอง ผ่านไปได้มั้ย อันนี้ไม่รู้จริงๆ
ต้องอาศัยเรียนเพิ่มเติม ก็ในเมื่อสังคมโลกมันเปลี่ยน เศรษฐกิจมันเปลี่ยนการผลิตเก่าๆ บริการเก่าๆ เดิมๆ คงไม่พอในยุคอินเตอร์เน็ต เว็บไซค์ โซเชียลมีเดีย เลยตั้งใจว่าจะเรียนเพิ่มเติม เป็นหลักสูตร 1 ปี ไม่รู้ว่าได้ประโยชน์มากน้อยแค่ไหน แต่คิดง่ายๆ รู้ว่าไม่รู้อะไร ก็เรียนรู้เพิ่ม ความรู้ดีกว่าไม่รู้อะไรเลย
มองเห็นผู้คนในสังคม ผ่านออนไลน์น่าจะมีจำนวนไม่เยอะ แต่สร้างปัญหาให้คนอื่นเยอะ เพราะนึกว่าตัวเองรู้เยอะ แซะเขาไปเรื่อย สร้างปัญหาให้คนดีๆ ก็มี
จบตรงไหนเมื่อไหร่ถามตัวเองมากกว่า ถามคนอื่น
บันทึกไว้ 30 พฤษภาคม 2568
สาม สอเสือ
credit picture : https://www.standard59.com/blog/how-to-finish-what-you-start-blog-version