ชีวิตกลางแดด
ภาพประกอบไม่ได้คิดอะไรเห็นภาพสวย ในสวนแห่งหนึ่ง ก็เลยถ่ายมาช่วงนี้ต้องให้คำปรึกษาเยอะมาก โดยเฉพาะสถานการณ์เศรษฐกิจแบบนี้ มีทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจ โทรศัพท์มาหลายสายเยอะมาก เคยปรึกษาหมอจิตเวชเหมือนกัน หมอตอบว่าไม่ต้องตอบก็ได้ ไม่เกี่ยวกับบัญชี คิดในใจมันไม่ง่ายขนาดนั้นเขาต้องการที่ปรึกษา
ส่วนหมออีกคนที่ดูแลสุขภาพบอกถ้าตอบได้ก็ถือว่าช่วย แบ่งเบาภาระในใจของเขา เพราะเขาก็ไม่รู้จะพึ่งใคร เขาไว้ใจเรา เราเหมือนเป็นเพื่อนเป็นพี แล้วทำตอบเราไปไขข้อข้องใจให้เขาได้หลายครั้ง เขาก็ยิ่งไว้ใจก็เลยโทรมาหาบ่อย ไม่ว่าเรื่องบัญชี กฎหมาย การใช้ชีวิต และความกลัว หมอบอกเหมือนทำบุญ
บอกตามตรงก็ไม่รู้ทำยังไงระหว่าง ตอบ กับ ไม่ตอบ เพราะโดยส่วนใหญ่จะตอบเท่าที่รู้ ไม่โอเวอร์ ไม่โกหก ทำไม่เป็น เราก็ประเภทอ่านดุเดือดอ่านทุกอย่าง แล้วดันตอบได้ประมวลเอาจากหลายๆ เรื่องมาขมวดปมเป็นเรื่องเดียวเพื่อเป็นกุญแจดอกเดียวไข ทำให้เขาสบายใจหรือเปล่าอันนี้ไม่รู้จริงๆ ไม่ได้ถาม แต่เขามักจะเอาคำตอบของเราได้เล่าให้คนรอบข้างผมฟัง ว่าสบายใจขึ้นเยอะ ที่ได้รับคำตอบจากผม บอกมาต้องทำแบบนี้
เรื่องที่สำคัญมากๆ คือการเอาชนะความกลัว ผมจะไม่ใช้คำตอบง่ายๆ ว่าสู้ๆ นะ เพราะบางครั้งมันเป็นคำตอบที่หยาบมาก สู้อะไร สู้อย่างไร หรือจะไม่ใช้คำตอบว่า เดี๋ยวก็ผ่านไป นั่นก็หยาบเพราะไม่ได้เป็นการหาทางออกให้เขาแต่อย่างใดมีอีกหลายคำ ที่ไม่ชอบพูด และไม่เคยพูด
การเอาชนะความกลัวมันอยู่ที่ใจ ไม่มีใครช่วยเราได้ ปลุกปลอบก็ไม่ช่วย เคยบอกลูกค้าไปท่านหนึ่ง คนที่มีความกลัวอยู่ในใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร นอกจากจะหลบหนี บางครั้งถ้าต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่กลัว จะยิ่งใช้คำหยาบ และความรุนแรงทางกายภาพ เพื่อกลบเกลื่อนความกลัว ถ้าเราไม่กลัว ใจไม่กลัว ไม่ว่า พระ ผี บาป บุญ ตำรวจ หรือสรรพากร เราจะมีคำพูดอย่างมีสติไม่หยาบ ไม่รุนแรง ยิ่งเรามีคำตอบที่มีเหตุผลมาก คนเหล่านั้นจะกลัวเราเอง
ถอดความยากมาก ว่ามีเรื่องอะไรบ้าง เพราะเยอะจนตัวเองงง คำถามเยอะคำตอบจึงสำคัญมาก คำตอบสำคัญกว่าคำถามเสมอ คำตอบจึงต้องมีเหตุผลไม่ต้องเป็นคำคม ให้เขาคิดได้ ไขกุญแจในใจเขาได้ เฉพาะคำตอบจึงไม่มีคำตอบเดียว แม้แต่เป็นคำถามเดียว แต่คนละคน เพราะพื้นฐานคนต่างกันประสบการณ์ก็ต่างกัน การเรียนรู้ก็ต่างกัน คำตอบจึงต่างกัน เพื่อไขปัญหาในใจของเจ้าของคำถาม
บอกไม่ได้ ไปไขคำถามในใจให้เขาได้หรือไม่ เพราะโดยส่วนใหญ่จะตอบทันทีอย่างระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่ควรไปกระทบจิตใจกันอีก
ที่เปรียบเทียบชีวิตกลางแดด คือชีวิตพอมีปัญหามันร้อน และบางปัญหามันก็ร้อนมากๆ เขาต้องการน้ำเย็น เขาต้องการร่ม ไม่ใช่ต้องการเงินเพราะไม่มีใครช่วยใครได้ แต่การให้กำลังใจที่ถูกต้องถูกกับเขา มันเหมือนรินน้ำเย็น กางร่มให้เขา มันแค่นั้นจริงๆ
ผมไม่ได้เก่งขนาดผู้บรรลุธรรม ปล่อยได้ทุกอย่างปลงได้ทั้งหมด เพราะขนาดฟังพระ คำสอนผมยังไม่เชื่อด้วยซ้ำ แต่คิดว่าการเอาปัญหาออกจากใจมีแต่ตัวเราเท่านั้นที่เอามันออก ใจเราเป็นทั้งน้ำเย็น และร่มกันแดด เพื่อให้จิตสงบ และผ่านปัญหาไปได้ ไม่ใช่ผมไม่ใช่คำพูดผม มักจะย้ำให้ผู้คนเสมอที่มาถาม ผมไม่ได้เก่งขนาดนั้น ผมก็มีปัญหาในแบบของผม กุญแจไขในใจผมก็หายในบางปัญหา แต่ผมเลือกที่จะไม่กลัว แต่จะไปหาคำตอบจากการอ่าน ไม่ว่าการใช้ชีวิต หรืออ่านช่องของกฎหมาย ไม่ว่ากฎหมายอะไร ข้อไหน
ใจคุณเองคือคนที่กำหนด ว่าจะเป็นร่มเพื่อหลบแดด หรือเป็นน้ำเย็นให้จิต
ฝากไว้ให้คิด เขียนบทนี้ ไปจะว่าสงบก็สงบ จะว่าเครียดก็เครียด แต่อยากให้เจ้าของหัวใจทุกดวง เดินออกจากชีวิตกลางแดดร้อนให้ได้ ก็เท่านั้น
บันทึกไว้ 2 มิถุนายน 2568
สาม สอเสือ