นาโกย่า เดินหาเป้าหมายวันแรก
จดบันทึกไว้เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568
พวกเราออกเดินทางจากเกียวโต เพื่อปลายทางนาโกย่า เวลา 9.40 น. ใช้ไฮเวย์ระหว่างเมือง ก็เหมือนทางด่วนในประเทศไทย มีการเก็บค่าผ่านทางหลายจุด ระยะทางประมาณ 120 กิโลเมตรโดยประมาณ ผมบอกไกด์โกะ ขอเปลี่ยนแผนไม่ไปปราสาท เพราะในทริปมี ปราสาทนาโกย่า ไม่ว่าจะสวยขนาดไหน หรือสำคัญขนาดไหน ผมอยากไปดูบ้านเมืองมากกว่า
แผนทุกอย่างเปลี่ยนได้เพราะเป็นการเที่ยวแบบส่วนตัว ใช้เวลาเดินทางจากเกียวโต มา นาโกย่า หลายชั่วโมงเหมือนกันไม่ได้จับเวลาแต่ใช้จับความรู้สึก
รถคณะเราเดินทางมาได้ประมาณ 70 กิโลเมตร ก็แวะกลางทางจะมีซูเปอร์มาเก็ต ให้ดื่มกินและพัก เข้าห้องน้ำ เหมือนเส้นมอเตอร์เวย์ กรุงเทพ-ชลบุรี ประมาณนั้นแต่ดูสวยสะอาด ทันสมัยมากกว่า อย่างว่าประเทศญี่ปุ่นเนอะ เขาเจริญกว่าไทยอยู่หลายโข
หลังจากเราแวะได้น่าจะประมาณ ครึ่งชั่วโมง ก็เดินทางต่อจนถึง นาโกย่า ผมเองก็ไม่รู้เขาจะพาไปเที่ยวไหนแล้วแต่ไกด์เลยครับ ไม่ได้หาข้อมูลอะไรทั้งสิ้น แต่ไกด์รู้สไตล์คณะผมแล้วว่าชอบแบบไหน
เริ่มต้นเข้าเมืองนาโกย่า พวกเราแวะไปย่ายนิชิ nishi ward ตอนนั้นก็ไม่รู้มันคือที่ไหน เราแวะศาลเจ้าเล็กๆ ในย่านนั้น โอเคนะไม่ต้องใหญ่โตเป็นปราสาท เป็นเมืองศาลเจ้าประจำหมู่บ้าน หรือย่านนั้น
หลังจากนั้นคณะเราเดินไปตามถนนซอย ไกด์โกะ เริ่มบรรยายจุดที่มาตรงนี้ นักท่องเที่ยว มาน้อยมากไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นย่านเมืองเก่าแก่ ด้านหนึ่งของถนนเป็นบ้านสมัยเมจิ อีกด้านของถนนเป็นบ้านสมัยเอโดะ มองก็สวยดีคนน้อยชอบๆ เราเดินทางผ่านถนนเส้นนั้น แล้วผ่าเข้าไปถนนจุดของร้านค้าเล็กๆ เหมือนตึกแถว 2 ข้างทางมีหลังคา เดินไปโดนแดด ไม่รู้ว่าถนนเส้นนั้นเรียกว่าอะไรแต่ก็ชอบ พยายามดูรูปถ่ายในโทรศัพท์ android เพราะจะบอกวันเวลา และสถานที่ แต่ทุกอย่างเป็นภาษาญี่ปุ่นอ่านไม่ออกเขียนตามไม่ได้ แต่เก็บภาพถ่ายไว้เยอะ อะไรที่สามารถเป็นความทรงจำได้ในอนาคต เดินมาเจอซูเปอร์มาเก็ต เล็กๆ watts 100 เยน ความทรงจำมาทันที เพราะร้านนี้มีในประเทศไทย และผมก็ตีความคือร้าน 20 บาท เพราะ 100 เยน ก็ประมาณ 22 บาท แต่ของในร้านก็เหมือนเมืองไทย มีของราคา 100 เยนอยู่ไม่เยอะ นอกนั้นก็ราคาเกินเป็นที่รู้กัน ยังแวะเข้าไปดูแผนกอาหารปรุงสุก อาหารสด ร้านค้าเล็ก ขอแวะเข้าห้องน้ำเจ้าของเขายินดี ตอนนั้นพวกผมยังไม่ได้ซื้อของด้วยซ้ำ เป็นความประทับใจส่วนตัว ในเมืองไทย ก็มีแบบนี้นะครับ ร้านค้ามีน้ำใจเยอะแยะ
มื้อเที่ยง เราแวะกินร้าน อรันเซีย Arancia เป็นตึกแถว 3 คู่หา เห็นไกด์บอกเป็นร้านดังในย่านนั้น ผมเองไม่ได้สนใจจะดังหรือไม่ได้ แต่ผมอยากกินอาหารแบบข้างทางมานานแล้ว มาญี่ปุ่น รอบที่แล้วก็บอกไกด์เอาแบบนี้ อร่อยไม่อร่อยไม่เป็นไร ต้องการดูบรรยากาศชาวบ้านแถวนั้นเขากินอะไรกัน เพราะไม่ใช่จุดท่องเที่ยว
ต้องบอกก่อนที่สั่งมากินผมก็ไม่รู้ว่าเรียกอะไร รู้ว่าจานใหญ่มาก ทีแรกเห็นโต๊ะข้างๆ เขาสั่งผู้หญิงตัวเล็กๆ 2 คน 2 จาน ผมมองของเราน่าจะเล็กมากมั้งเพราะอาหารยังไม่มา แต่ดู 2 สาวโต๊ะข้างๆ กินหมดแล้วจานใหญ่มาก ผมถามไกด์คนญี่ปุ่นกินเก่งเนอะ ไกด์โกะ บอกว่าอาหารมื้อสำคัญของคนญี่ปุ่น คือ มื้อเที่ยง เขาจะกินเยอะส่วนมื้ออื่นจะน้อย
พอเห็นอาหารมาตั้งตรงหน้าตกใจ ดีที่ผมสั่ง 1 จานกิน 2 คนยังกินไม่หมด สามารถในการกินของผมต่ำมาก บรรยายลักษณะอาหาร เป็นข้าวจานใหญ่ มีเนื้อแฮมเบอเกอร์ ก้อนใหญ่มากวางอยู่ บนเนื้อจะวางด้วยไข่ข้น ที่ทำมาเป็นก้อนเวลาเสริฟพนักงานจะปาดไข่ให้แยกออกจากกันแต่ราดน้ำเกลวี่ แฉะๆ ในเมืองไทยมีบางร้านขาย แต่ผมไม่เคยกินเพราะเห็นภาพแล้วไม่อยากกิน แต่บางคนชอบ ผมไม่ค่อยกินอาหารแฉะ ไม่ถึงกับว้าว แต่ก็ได้ประสบการณ์ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะไม่ได้เห็น
หลังจากกินอาหารเสร็จคราวนี้เข้าเมืองจริงๆ ย่านนากะ ในจังหวัดคานางาวะ นครโยโกฮามา เป็นถนนเศรษฐกิจเหมือนสีลม คณะผมช้อปปิ้งในร้านดองกี้ เป็นห้างสรรพาสินค้าย่อมๆ เลย ไม่เหมือนในเมืองไทย มีหลายชั้น ส่วนผมไม่ได้สายช้อปปิ้ง ใครจะช้อปก็เข้าห้าง ผมอาศัยเดินเล่นตามตรอกซอกซอย แถวนั้นเก็บบรรยากาศเมือง เดินซัพเวย์ลงใต้ดินว่าเขาขายอะไร แต่เดินในซัพเวย์ ไม่ไกลมาก กลัวหลงอ่านญี่ปุ่นไม่ออก ได้แต่จำทางออกหมายเลข 1 เป็นทางขึ้นเล็ก มีโอกาสหลงสูงมาก
บนถนนผมเห็นความสกปรกของเมือง ขยะมีพอสมควร โดยเฉพาะก้นบุหรี่ เห็นวัยรุ่นญี่ปุ่นถ่ายภาพเก็บไว้ น่าจะเอาไว้ประจานประเทศตัวเอง เคยมีข่าวประเภทสารคดี ประเทศญี่ปุ่น ประสบปัญหานักท่องเที่ยวล้น คนญี่ปุ่นเริ่มไม่พอใจ ในข่าวมักโทษนักท่องเที่ยวจีน ผมเองไม่ปักปัมใคร เพราะไม่ใช่หน้าที่ผม
แต่ที่ผมเห็นและสร้างปัญหาแน่คือ นกอีกา เต็มเมืองค้นขยะเหมือนหมาจรในไทย มองแล้วก็ขำ เพราะในไทยก็มีปัญหาจากนกพิราบเช่นกัน แต่อีกา ตัวใหญ่กว่าเวลามั้นรื้อขยะความแข็งแรงก็จะงอยปาก อะไรก็หยุดมันไม่อยู่ ไกด์โกะ บอกอีกา ก็เป็นปัญหาของเมืองในญี่ปุ่นเช่นกัน
เสร็จจากการช้อปปิ้ง ต้องเที่ยวแล้วตามโปรแกรม สำคัญมากๆ ไปเยือน สวนดอกไม้ นาบานะโนะ ซาโตะ Nabana no Sato อยู่ใน นากาชิมะ รีสอร์ท Nagashima Resort ในจังหวัดมิเดะ เมืองนาโกย่า แต่ออกไปนอกเมืองใช้เวลาเดินทางเกือบ 1 ชั่วโมง
เป็นช่วงเวลาสำคัญในการท่องเที่ยวช่วงนี้เช่นกัน เพราะที่นาบานะโนะ ซาโตะ จะมีเทศกาลจัดไฟ LED เขาว่าติดอันดับโลก แต่ผมว่าอาจจะเกินไปน่าจะติดอันดับในญี่ปุ่นก็พอมั้ง เขาจะจัดไฟประมาณ 7 เดือนเริ่มกลางเดือนตุลาคม ไปสิ้นสุดประมาณเดือนพฤษภาคม ไปนับกันเองว่ากี่เดือนคนเขียนไม่นับให้ ฮา
ไปถึงแสงอาทิตย์ยังอยู่ไฟยังไม่เปิด ช่วงเวลานั้นนึกอะไรไม่ออกเข้าร้านอาหารของรีสอร์ท หาอะไรกิน สาวๆ เขาก็กินของว่าง ส่วนผม ติ๊กต๊อกๆๆ ให้ทาย
เบียร์ เหมือนเดิม แต่ว่าบอกตัวเองไว้แล้วอย่าดื่มเยอะเดี๋ยวต้องเดิน มันจะดูไม่งาม สุดท้ายดื่มไปแค่แก้วเดียว พอได้เดินหนาวๆ เพราะอากาศน่าจะสิบกว่าองศา ไม่ได้ใส่เสื้อกันหนาวแบบหนา เสื้อ 2 ตัวแบบไม่ได้เตรียมพร้อมแต่ก็เอาอยู่
ใครที่เที่ยวแบบนี้บ่อยๆ อาจไม่ตื่นเต้น ดอกไม้บีโกเนีย สวยๆ คล้ายกุหลาบแต่ใหญ่มาก แล้วก็โชว์ไฟสวยๆ เคยเห็นมาบ้างเลยไม่ตื่นเต้น แต่เห็นคนรอบข้าง ตื่นเต้นผมก็มีความสุขกับเขาด้วยจริงๆ นะ ยังถ่ายภาพมาเยอะแยะส่วนภาพตัวเองก็น้อยหน่อย
คนที่ผ่านชีวิตมาเยอะ ผ่านการมองมาแยะ ความตื่นเต้นจะลดลง นั่นเป็นข้อเสียแต่ก็ต้องหามุมมองใหม่ โลกนี้เปลี่ยนแปลงเสมอ เปลี่ยนทุกวัน ไม่ว่าชีวิต หรือธรรมชาติ
มื้อเย็นมีการเปลี่ยนแผน ทีแรกจะเป็นพวกชาบูทัวร์จัดไว้แต่ผมต้องจ่ายหน้างานอยู่แล้ว คณะผมอยากกินปิ้งย่างแบบพรีเมียม เป็นครอส รุ้ว่าขึ้นตึกสูงดูแล้วเหมือนห้างสรรพสินค้า แต่นั่นไม่สำคัญ และที่ไม่สำคัญคือชื่อร้าน ร้านอะไรวะ ในย่านเมเอะมิ Meieki เขตนาคามูระ Nakamura มารู้ที่หลังดูจากรูปที่ถ่ายในโทรศัพท์ จะมีลิงค์บอกสถานที่กว้าง นอกนั้นไม่รู้อะไรเลย
กินเป็น คอร์ส เรียงลำดับการเสิร์ฟ เริ่มจากเนื้อๆๆๆๆ มาตบท้ายด้วยข้าว อะไรวะ คอร์ส สุดท้ายออกให้ร้านให้กล่องเลยไม่กินแล้ว เอาไปฝากป๊อบ คนขับรถ เพราะไม่มีใครได้กินห่อกลับทันที
มื้อเย็นของผมก็ไม่ได้เน้นโปรตีน กินน้อยอยู่แล้ว หนักไปทางดื่มเบียร์ แกล้มเนื้อมากกว่า สุดท้ายก็กลับเข้าโรงแรมที่พัก Nagoya Prince hotel sky Tower เข้าใจว่าตึกสูงนี้น่าจะมีประมาณ 36 ชั้น เป็นโรงแรมที่พัก 32-36 ล็อบบี้ชั้น 31 ผมเข้าใจว่านอกนั้นน่าจะเป็นออฟฟิศ เพราะมองตอนฟ้าสว่าง เห็นมีพนักงานเดินไปเดินมาใส่สูทเหมือนคนทำงาน
ส่วนพวกเราพักชั้น 35 รวม 2 ห้อง ผมให้ไกด์โกะ นอนพักกับหลานสาวผม เพราะอายุไม่ห่างกันเยอะ น่าจะสนุกด้วยกัน ค่าใช้จ่ายผมออกให้หมด โกะ โทรไปถามล็อบบี้ เขาให้เปลี่ยนห้องเป็นเตียงคู่ ไม่คิดเงินแต่ให้เพิ่มค่าอาหารเช้า ผมก็โอเค แค่โกะ บอกว่าอย่าบอกทางทัวร์นะมันดูไม่ดู เหมือนเป็นการมารบกวนลูกค้า ซึ่งผมตกลงไม่บอกเงียบไว้ และผมเป็นคนแสดงเจตจำนงเองให้เขานอนด้วยกัน จริงเขานอนตั้งแต่ เกียวโต แล้วผมให้เพิ่มเตียงเพิ่มห้อง สนุกไปด้วยกันเข้าใจว่าเป็นหน้าที่ แต่ผมถือว่าลูกค้าอย่างผมไม่เป็นการรบกวน
ตื่นเช้าเขาก็เล่าสนุกๆ พาหลานผมไปร้องคาราโอเกะ ใกล้ๆ โรงแรมที่พัก ผมนี่ยกนิ้วโป้งให้เลย ดีมาก สาววัยรุ่นก็ต้องสนุกใช้ชีวิตชิวะ
บันทึกไว้เข้าเว็บไซต์ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2568
สาม สอเสือ
