ทีมแล็บฟอเรสต์ แวะย่านช้อปปิ้ง ทักทายกันดั้ม

ท่องเที่ยว วันที่ 1 มกราคม 2566

เป็นการรวบยอดวันสุดท้ายของการท่องเที่ยวบนเกาะคิวชู เกาะทางใต้ของประเทศญี่ปุ่น หลายเมือง วันรุ่งขึ้นบินกลับเมืองไทยไม่มีกิจกรรมเพิ่มเติม ทำหน้าที่ตัวเอง ที่รับปากตัวเองไว้อย่างเสร็จสิ้นว่าจะเขียนเล่าเรื่อง เขียนยากเหมือนกันเพราะเป็นเรื่องอดีตต้องเค้นความจำ ยังบอกตัวเองไม่น่าเลย

กินอาหารเสร็จวันนี้ไม่ได้รีบเร่ง เที่ยวห้างสรรพสินค้าใหญ่ Lalaport ย่านเทนจิน ฟุกุโอกะ ผ่อนคลายดูบรรยากาศเมืองกันอีกรอบช่วงฟ้าสดใส ทางเข้าก็ตื่นเต้นวัฒนธรรมญี่ปุ่น คณะเรามาถึงสิบโมงเช้าห้างยังไม่เปิดทุกคนเข้าแถวรอเข้า หลังจากประตูเปิดทุกคนเดินเข้าแถวเป็นระเบียบมาก ทยอยเข้าห้างสรรพสินค้าบรรยากาศแบบนี้ ในเมืองไทยก็มีเรื่องการเข้าแถว จำไม่ได้วัฒนธรรมนี้เริ่มต้นเมื่อไหร่ในกรุงเทพ ผมว่าน่าจะประมาณ 30 กว่าปีที่ผ่านมา คนไทยก็ไม่มีการแย่งเบียดเสียดทางเข้าเช่นกัน เข้าแถวทยอยเข้า

หน้าห้างมีหุ่น กันดั้ม จากอนิเมะเรื่อง โมบิลสูท กันดั้ม (Mobile Suit Gundam) ตั้งตระง่านสูงมากเทียบเท่าตึก 6 ชั้น หรือ 7 ชั้นเทียบกับอาคาร นักท่องเที่ยวเข้าแถวถ่ายรูปกับหุ่นยักษ์หน้าห้างอย่างเป็นระเบียบ

จุดสำคัญของผมคือ อยากดูห้างสรรพาสินค้าขายอะไรบ้าง โดยเฉพาะซุปเปอร์มาเก็ต ชอบเป็นพิเศษสินค้าอื่นๆ ผมคิดว่าขายไม่แตกต่างจากห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ในประเทศไทยสินค้าแบรนด์เขาก็กระจายไปทั่วโลก แต่ของในซุปเปอร์มาเก็ต โดยเฉพาะอาหารสด มันบ่งบอกว่าวัฒนธรรมการกินของญี่ปุ่น

โดดเด่นก็คือ ซาเซมิ อันนี้ในเมืองไทยมีเพราะสามารถนำเข้าผ่านห้องเย็นแช่แข็ง นำเข้าเมืองไทยไม่ยาก แต่ที่ยากคือผลไม้นำเข้าได้มั้ย ต้องพิถีพิถันพอสมควรแช่แข็งไม่ได้ ช้าก็เน่าเสียหาย

สะดุดตากับ สตอเบอรี่ที่ส้มอ่อน ในเมืองไทยคงมีการนำเข้าแต่หายาก นอกนั้นสีชมพู สีแดง มีให้เห็นอยู่แล้ว สีส้มอ่อนราคาสูงดูจากป้ายราคาเงินเยน หารมาเป็นเงินบาทก็ประมาณ 600 กว่าบาท ต่อแพ็คไม่กี่ลูก เผลอซื้อกลับมาตั้งใจจะเอามาฝากในเมืองไทยหลายแพ็ค โดยลืมไปว่าเราเก็บไม่ได้ เพราะการเดินทางไม่เหมือนการขนส่งแบบการค้า สรุปถึงเมืองไทยเน่าเสีย ถือเป็นบทเรียนยังดีที่เก็บภาพถ่ายมาได้ และได้กินอยู่ที่ญี่ปุ่น ถือว่าคุณภาพดีมากหอมหวาน

ช่วงเที่ยงขึ้นไปกินอาหารที่ฟู้ดคอร์ด อยากรู้วัฒนธรรมการใช้ฟู้ดคอร์ต จากการใช้โต๊ะเก้าอี้ร่วมกัน เคยได้ยินความมีระเบียบของคนญี่ปุ่น ผมกินพวกราเมงร้อนๆ ที่สำคัญมากที่นี่ ทุกคนเวลากินเสร็จจะเดินถือจาน ชาม ของใช้ พร้อมถาดไปส่งที่ร้านที่เราซื้อ ผมยังเรียนรู้การใช้ชีวิตมาที่เมืองไทย คือการเดินถือไปให้แม่บ้าน ที่คอยเก็บจานชาม ของคนที่มาใช้บริการเสร็จแล้ว ในฟู้ดคอร์ตในไทย ผมก็เริ่มเห็นบ้างคนหนุ่มสาว วัยทำงาน กินอาหารเสร็จเก็บจานชามพร้อมถาดที่เราใช้เอง ถือไปให้แม่บ้าน ก็ไม่ใช่ว่าเป็นทุกคนแต่เห็นเยอะขึ้น เป็นวัฒนธรรมการใช้สถานที่ร่วมกันที่ผมชอบ ตัวผมเองทำมาก่อนที่จะไปญี่ปุ่นแต่ก็ไม่เคร่งคัตมาก มาเห็นแบบนี้เลยทำตลอดเวลาถือว่าเป็นหน้าที่

กินเสร็จก็เดินเที่ยวห้าง ไปสะดุดตาร้านขายเครื่องครัว และมีด ของ zwilling ในเมืองไทยเรียกตราตุ๊กตาคู่สินค้าราคาสูงคุณภาพดีมาก ติดป้ายลด 50% คนญี่ปุ่นซื้อเยอะถุงกระดาษวางกองแต่ละคนดูผ่านแล้ว ไม่น่าจะต่ำกว่า 20 ชิ้น ผมถามไกด์ปอลดจริงมั้ย ปอบอกว่าเป็นเทศกาลปีใหม่ลดวันเดียว แล้วที่ญี่ปุ่นเวลาประกาศว่าลดราคา คือลดจริงไม่เหมือนเมืองไทย บางแห่งเพิ่มราคาแล้วบอกว่าลดราคา 50% อันนี้เจอปล่อย ลดปลอมๆ แม้แต่ในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ผมเองยังซื้อมีดครัวมา 1 เล่มตอนเอากลับก็โหลดในกระเป๋าใต้เครื่อง ส่วนคนญี่ปุ่นที่ซื้อเยอะ ส่วนหนึ่งก็เป็นพวกค้าขาย เขามาซื้อตุนไว้ หมดเทศกาลเขาก็มาขายราคาปกติถือเป็นเรื่องการค้าได้กำไรเพิ่มไม่ผิดกติกา

 

โปรแกรมเที่ยวต่อมา พิพิธภัณฑ์ทีมแล็บ ฟอเรสต์ (Team Lab Forest) เป็นการเล่าเรื่องสัตว์ป่า สัตว์น้ำ ธรรมชาติ ผ่านแสงอินเตอร์แอคทีฟแสงอินฟราเรส ยิงผ่านมีวัตถุรองรับ ตอบโต้กับนักท่องเที่ยวได้ ทั้งมือที่เราสัมผัส ใช้ AI สามารถโหลดแอพในโทรศัพท์ ตามที่มีการแนะนำเก็บสัตว์ป่า ที่เรามองเห็นผ่านเข้ามาในโทรศัพท์เหมือนแข่งกัน ใครเก็บได้เยอะกว่า ผมเองไม่ได้เก็บมัวแต่เก็บภาพ

 

ภายในอาคารนั้นเหมือนออฟฟิศเช่ามีป้าย AKB48 กลุ่มศิลปินวัยรุ่นญี่ปุ่น มีออฟฟิศอยู่ที่นี่ด้วยคิดว่าอย่างนั้น AKB48 ทั่วโลกซื้อลิขสิทธิ์ญี่ปุ่นที่เป็นต้นคิด มาในไทยจะเป็น BNK48 โด่งดังมากเมื่อปี 2560 ซื้อลิขสิทธิ์มาเช่นกันรูปแบบเพลงการแต่งตัว อื่นๆ อีกมากมาย บริเวณอาคารรอบนอกไม่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนไม่มีตลาดการค้า เงียบๆ อาคารเช่าสูงอยู่รวมกัน

เสร็จทุกอย่างก็เดินทางกลับที่พัก เดินเล่นในห้าง Canal city Hakata ข้างโรงแรมที่พักเชื่อมกันได้ ใช้ชีวิตสโลว์จากการท่องเที่ยวมาหลายวัน ห้างสรรพสินค้าไม่ใหญ่มาก จะเป็นพวกพลาซ่าร้านค้าเป็นส่วนใหญ่ ยังได้กรอบแว่นสายตามา 2 อัน ไว้กลับกรุงเทพฯ ค่อยมาตัดแว่นเอาไว้ทำงานอ่านหนังสือ กิจกรรมเริ่มผ่อนคลายเพราะตระเวณเที่ยวเยอะเหนื่อยมาก

ตอนนั้นผมอาศัยเดินอยู่รอบๆ ห้าง รอบโรงแรมบนถนนต่างๆ ในเวลาที่ยังฟ้าไม่มืด ตลอดเวลาที่มาพัก ออกเช้ากลับดึกแทบไม่ได้เห็นบรรยากาศรอบข้างที่พักฟ้าสว่าง

เป็นการท่องเที่ยวที่สวยงามครบรส พรุ่งนี้เดินทางกลับกรุงเทพฯ เสร็จภาระกิจการเล่าเรื่อง เพื่อระบายความในใจออกมาบ้าง

ในปีที่เมืองไทย และทั่วโลก มีปัญหาหนักจากเศรษฐกิจ โดยเฉพาะประเทศไทยเรียกว่าโดน 2 เด้ง ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง

ขอให้ทุกคนโชคดี กับการต้อนรับปีใหม่ ที่กำลังจะผ่านเข้ามา

สวัสดีปีใหม่ 2569 ต้อนรับปีแพะก่อนคงไม่ว่ากัน

บันทึกไว้ 3 ธันวาคม 2568

สาม สอเสือ