เรื่องเล่าจากอดีต
มาจากไหนอยู่ที่ไหน
ย้อนประวัติตระกูลที่ผมร่วมอาศัยอยู่ด้วย เป็นเจนเนอเรชั่น ที่ 3 จะบอกว่ายาวนานก็คงไม่ ถ้าเทียบกับประวัติเมือง หรือตระกูลที่ยิ่งใหญ่ในอดีต แต่ถ้าเทียบกับช่วงอายุคน ก็ถือว่ายาวนานพอสมควร การเดินทางช่วงเวลา เหล่าชาวจีนโพ้นทะเล ทำไมมาอยู่เมืองไทย แล้วทำไมมาอยู่ แถวดอนเมืองในอดีต ที่เรียกฝั่งโขง ทำไมมาอยู่ตลาดบางบัว ซึ่งคนปัจจุบันแทบไม่เหลือความทรงจำเพราะถูกรื้อไปหมดแล้ว ทำไมถึงมาอยู่ตลาดสะพานใหม่ ตลาดยิ่งเจริญ
เป็นบางส่วนนะครับเพราะผมยังพบและรู้จักเหล่า ลุง หรือคนจีนเรียก แปะ กระจายตัวอยู่ในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ และภาคกลาง ในจังหวัดต่างๆ ผมว่าชาวจีนโพ้นทะเลกลุ่มนี้คงมาพร้อมๆ กัน กับจำนวนชาวจีนอพยพในจังหวัดอื่นๆ จีนแต้จิ๋ว และชาวจีนอีกหลายๆ นคร มาจากมณฑลกวางตุ้ง หนึ่งในนั้นที่อพยพเข้าไทย มาจาก นครแต้จิ๋ว เมืองเฉาโจว เมืองโบราณปัจจุบันคนไทยเชื้อสายจีน ลูกหลานชาวจีนยุคนั้น พากันไปเที่ยวเยี่ยมญาติพี่น้อง ในหมู่บ้านตระกูลเดียวกัน ผมเคยเห็นภาพตอน อาแหมะ ไปเยี่ยมญาติพี่น้องที่นั่นเมื่อหลายปีก่อน
เท่าที่อ่านข้อมูล การอพยพชาวจีน ในยุคนั้น เป็นการอพยพ กลุ่มที่ 5 เป็นกลุ่มสุดท้าย ที่เริ่มเข้าไทย ในสมัยรัชกาลที่ 6 และเป็นปีสุดท้ายที่มีชาวจีนอพยพ น้อยที่สุด โดยจีนอพยพถูกแบ่งเป็น 5 กลุ่ม กลุ่มเก่า 4 กลุ่ม กลุ่มใหม่ 1 กลุ่มๆ สุดท้าย ยุคที่ 5 เมื่อประมาณ 90 กว่าปีที่แล้ว มีการเปลี่ยนแปลงทั้งในประเทศจีน และในประเทศไทย
สิ่งที่เขียน ผมเองก็คงรู้ไม่มากนัก เป็นเรื่องราวในอดีต เกิดทันบ้าง ไม่ทันบ้าง ยังเล็กไม่รู้ความบ้าง หรือ ความทรงจำก็อาจจะลืมเลือน เพราะฉะนั้นต้องฟังจากปากคนในครอบครัวที่ยังมีชีวิต ที่สำคัญมากๆ คืออายุมากกว่าใกล้ชิดมากกว่า โดยส่วนใหญ่จะเป็นพวกพี่ๆ เพราะยังพูดคุยกันด้วยช่องทางสมัยใหม่
ถ้าไม่มีช่องทางสมัยใหม่ออนไลน์ ผมยังนึกไม่ออกว่าเราจะต้องนั่งคุยกัน เป็นจริงเป็นจังกันกี่วันกี่เดือน กว่าจะได้ข้อมูลมาบางส่วน และความทรงจำ เพราะนี่ไม่ใช่การขอสัมภาษณ์ แต่เป็นการขอข้อมูลผ่านตัวหนังสือ และเสียง เท่าที่พอจะทำได้ การบันทึกการเดินทางของเวลาจึงต้องใช้ช่องทางนี้
ชาวจีนอพยพ ยุค ที่ 5 นั้นประเทศจีนมีการผลัดแผ่นดิน การต่อสู้ระบอบเก่ากับระบอบใหม่ ทำให้เกิดความขัดแย้งไปทั่ว นับจากปี พ.ศ.2455 โค่นล้มราชวงศ์ชิง การปฎิวัติซินไฮ่ ถึงปี พ.ศ. 2492 มีการแย่งชิงการปกครองเกิดสงครามการเมือง ด้วยความพ่ายแพ้ของพรรคก๊กมินตั๋ง จนต้องลี้ภัยไปเกาะไต้หวัน เปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ ผมคงไม่ลงรายละเอียดไม่ได้เขียนประวัติศาสตร์การปกครอง และเชื่อมโยงเหตุการณ์ การหนีภัยสงครามของหลายตระกูล ในยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง มีตระกูลหนึ่งที่ผมจะเขียนถึงคือตระกูลผมเอง จะพยายามไม่เขียนเป็นปี ค.ศ.เพื่อให้การกำหนดเวลาไหลลื่นขึ้น ในการเปรียบเทียบ ยุคสมัยในแผ่นดินไทย
ก่อนประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ปี พ.ศ.2475 มีครอบครัวชาวจีนหลายกลุ่มอพยพ เข้าประเทศไทย ระลอกใหญ่ หนีภัยสงคราม และความอดยาก ตระกูลเฮี๊ยะ และตระกูลตั้ง ก็หนีเข้ามาเช่นเดียวกันในช่วงเวลานั้น
การเข้ามาตั้งรกรากอันนี้ต้องสืบค้นกันต่อ ทำไมมาอยู่ตรงนั้น ตระกูลเฮี๊ยะ ได้เข้ามาอยู่ที่ตลาดบางบัว ตระกูลตั้งเข้ามาอยู่ฝั่งโขง หรือเรียกว่าดอนเมืองปัจจุบันอันนี้ไม่รู้
การหนีภัยสงครามการปฎิวัติการปกครอง เข้าไทย คงมาก่อนปี พ.ศ.2475 เพราะมีภาพถ่ายพ่อผม ที่ผมเรียกว่า อาแปะ ถ่ายภาพที่เมืองจีน คะเนอายุน่าจะประมาณ 6-7 ขวบ โดยในภาพถ่ายนั้นมี น้องปู่คนสุดท้อง หรือจะเรียกว่า เหล่าโซ้ยเจก ถ่ายรูปจูงมือเหมือนภาพในสตูดิโอ เป็นการภาพถ่ายในจีน
เจ๊หมวย พี่สาวผม ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดกับแม่มาก พวกผมเรียกอาแหมะ เนื่องจากเป็นลูกสาวคนเดียวในบ้าน ตามประเพณีคนจีนลูกสาวคือผู้ดูแล และน่าจะไม่ใช่ผู้สืบทอด เพราะผู้ชายมักเป็นใหญ่ เดี๋ยวนี้จะร้อง อะไรวะผู้ชายเป็นใหญ่ แต่เป็นเรื่องราวจริงๆ ในอดีตของสังคมจีนโพ้นทะเลในยุคสมัยนั้น
อาแปะผมได้เรียนหนังสือตอนเด็กที่เมืองจีน สามารถเขียนภาษาจีนได้ เจ๊หมวย เล่าเขียนอักษรจีนสวยมาก รูปนั้นที่บอกไปก่อนหน้านี้เป็นการยืนยันว่าถ่ายในประเทศจีน เป็นภาพสุดท้ายก่อนเดินทางมาไทย แต่ประเด็นสำคัญคือ อากง อาม่า ผมมาก่อน มาได้ยังไง และทิ้งลูกเล็กอยู่เมืองจีน และน้องอากง คนเล็กเป็นคนเลี้ยงดู และส่งเสียให้เรียนหนังสือนั่นคือปริศนา แต่ผมคงไม่หาคำตอบ
ทางฝั่งตระกูลพ่อผมมาอยู่ที่ตลาดบางบัว เช่าบ้านค้าขาย รู้จักกับ ดร.ไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ เจ้าของสวนสยาม ขออภัยที่ต้องกล่าวถึง เพราะขายของอยู่หน้าร้าน คงเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกัน ที่อพยพมารุ่นเดียวกัน
ปู่ ย่า อพยพเข้าประเทศไทยก่อน น่าจะประมาณปี 2470 เพราะพ่อผมเดินทางมาประมาณ ปี 2476 ภาพที่ถ่ายในเมืองจีน น่าจะพอเดาปีได้บ้างหลังพ่อผมเกิดไม่นาน หรือเอาเป็นว่า 1-2 ปี ก็มีการวางแผนเดินเข้าประเทศไทย แต่ทำไมมาก่อนไม่รู้น่าจะเป็นการมาเคลียร์ที่อยู่ที่กิน ให้กับครอบครัว เพราะถ้าเดินทางพร้อมกันจะลำบาก ผมถือว่าเป็นการเสียสละอย่างยิ่ง เพราะถ้าเด็กเล็ก และน้องๆ เข้ามาเลยไม่รู้จะอยู่กันยังไง ถือเป็นยุคบุกเบิกของปู่ และย่า ก่อนที่พ่อที่จำความได้แล้ว จะเดินทางตามมาพร้อมกับ ครอบครัว ไม่ได้สืบค้นว่ามากันเยอะมั้ยเพราะไม่ใช่ประเด็นที่จะเขียนถึง
ถ้าอ่านประวัติศาสตร์ในหนังสือศิลปวัฒนธรรม ในช่วงเวลานั้นผมว่าอพยพมาพร้อมกันไม่น้อยเลย
บันทึกไว้ 1 เมษายน 2567
สาม สอเสือ